โดย กิ่งแก้ว » ศุกร์ 09 พ.ย. 2012 4:45 am
ลองอ่านภาพรวมของเขาดูนะคะ ว่าจริง ๆ แล้วเกิดอะไรขึ้น ดิฉันได้แต่ตั้งสมมุติฐานว่า
ก่อนหน้านี้ เขาอยู่ในห้องห้อง แบบกลัวแต่ทำหน้านิ่ง และไม่พูดกับใคร แต่ตอนนี้รู้จักพึ่งพาคนอื่น
หรือเขาเริ่มกลัวจินตนาการของตัวเองเป็น... ก็แปลว่าเขาดีขึ้น
หรือ ตอนนี้เขาแย่ลง คือ แต่ก่อนไม่กลัว ตอนนี้กลับเสียความมั่นใจจนกลัว
ที่แน่ ๆ เขากลัวจนทนไม่ไหว กลัวจนปวดท้อง หรือกล้วจนต้องหนีเข้าห้องน้ำ
คำถาม คือ เขาหยุดเรียนไปนานเท่าไร แค่ปิดเทอมใช่หรือเปล่า
ถ้าอยุดแค่ปิดเทอม มีอะไรใหม่ในห้องหรือเปล่า
หรือว่าจริง ๆ แล้ว เขาเพิ่ง "ติด" คุณแม่ ช่วงปิดเทอมนี้เอง ทำให้คิดถึงอย่างหนัก วิตกกังวลอย่างหนัก ว่าแม่จะหายไป
ถ้าดูแล้วไม่มีอะไรจริง ๆ (พี่เลี้ยงบอกคุณแม่ แล้วคุณแม่บอกกับดิฉันอีกที)
สิ่งแวดล้อมสำคัญที่ไม่ได้เล่ามา คือท่าทีของคนใกล้ชิด
ท่าทีที่จำเป็น คือท่าทีที่สงบ นุ่มนวล มั่นคง
การเปลี่ยนแปลงทุกอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไป
ไม่ใช่เปลี่ยนจากปกป้องสุดขีด เป็นผลักดันสุดขีด
เขาจะเข้าห้องน้ำ ก็ปลอบไป จะเข้ากี่ครั้ง ก็ปลอบไป
ตอนนี้เรารู้แค่ว่าเขาบอกว่ากลัว แต่ไม่รู้ว่ากลัวอะไร กลัวใคร อยากให้ช่วยอะไร อยากบอกว่าอะไร.....ที่สำคัญที่ต้องระลึกถึงคือบอกได้ ก็ส่วนหนึ่ง จะหายกลัวได้ ก็อีกส่วนหนึ่ง
ถึงแม้ว่าเขาจะเข้าใจตามคำพูด ก็เป็นการเข้าใจตามคำพูด...แต่เรื่องทำใจได้....เป็นเรื่องของความรู้สึก ซึ่งต้องใช้เวลา ต้องอาศัยภาษากายของการปลอบโยน เข้าใจ และมั่นคง ซึ่งเด็กแต่ละคน ต้องการเวลาไม่เท่ากัน
ซึ่งตรงนั้นคงเป็นหน้าที่ของคุณแม่ที่บ้าน และของพี่เลี้ยงที่โรงเรียน
ส่วนท่าทีของคุณแม่ตอนลาจาก ก็บอกแค่ว่าจะไปทำงานแล้ว บ่ายสามโมงตรงจะมารับ โบกมือ แล้วหันกลับไปโดยไม่ละล้าละลัง
ไม่หลอก ไม่แอบหนี ไม่ขู่
แล้วก็อย่าทวงสัญญา ว่าที่บ้าน หรือในรถ เด็กบอกว่าจะมาโรงเรียนไง
ยิ่งเพิ่มความเครียดกันใหญ่ค่ะ
ตั้งแต่ตอบคำถามมา คำถามนี้จัดเป็นการตอบที่ยากในลำดับต้น ๆ
รู้สึกเหมือนว่าดิฉันได้รับรู้แต่เรื่องของพฤติกรรม แต่ไม่ทราบความรู้สึกและท่าทีที่ใช้ปลอบเด็ก และไม่รู้สึกถึงความพยายามเข้าใจและช่วยเหลือเด็ก แถมรู้สึกว่ามีการคาดหวังผลลัพธ์อะไรบางอย่างด้วย
ดิฉันตีความตามตัวอักษรได้แค่นี้ค่ะ