สมาชิกใหม่ค่ะ

[NANTARAT]

สวัสดีค่ะ เป็นคุณแม่ของลูกชาย(ที่สงสัย)ว่าเป็นออทิสติกค่ะ ตอนนี้น้องอายุ 2 ขวบ 3 เดือน ไปรพ.สวนสราญรมย์ เพื่อตรวจวินิจฉัย
เมื่อเดือนมกรา (ตอน 2 ขวบ) ได้คิวนัดอีก 3 เดือน คือวันที่ 4 เมษานี้ เป็นคิวฝึกพูดค่ะ และจะได้พบคุณหมอในอีก 1 เดือน จริงๆแล้วเป็นกังวลกับพัฒนาการลูกชายอยู่นาน เคยปรึกษาหมอ (เป็นแพทย์ทั่วไป) บอกให้รอน้อง 2 ขวบ อาการที่ชัดคือน้องไม่พูดเป็นคำที่มีความหมายค่ะ ตอนแรกหาข้อมูลเด็กพูดช้า และเจอสาเหตุหนึ่งคือ ภาวะออทิสติก เลยหาข้อมูลดู อาการเหมือนน้องทุกอย่างค่ะ ไม่พูด ไม่สบตา เรียกไม่หัน
ชอบดูโฆษณาทีวีมาก (ดูตั้งแต่ 9 เดือน) หมุนรอบตัวเอง เครียดมากค่ะ หาข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวกับออทิสติก จนอ่านเจอกระทู้ของคุณแม่ในพันทิป และพบคำว่าฟลอร์ไทม์ เลยสนใจ และสมัครเป็นสมาชิกค่ะ
ตอนนี้สั่งซื้อหนังสือและรออยู่ค่ะ (รู้สึกนานมาก) อยากจะศึกษาและใช้กับน้องเร็วๆน่ะค่ะ อ่านบทความต่างๆในเว็บและกระทู้ถาม-ตอบ
แต่ยังไม่ทราบจะเริ่มกับน้องอย่างไรดี อยากให้เพื่อนสมาชิกที่ได้ทำ ft แล้วและคณะอาจารย์แนะนำค่ะ รบกวนด้วยนะคะ ขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ

[พ่อน้องเฌอแตม]

อ่านกระทู้ หัวข้อ "ช่วย น้องซีเค ด้วยค่ะ" เริ่มต้นเหมือนกัน และอายุไล่ๆกันนะครับ

[NANTARAT]

สวัสดีค่ะ คุณหมอและเพื่อนสมาชิก มีข้อสงสัยเกียวกับการฝึก SI ค่ะ เพราะเมื่อวันนัดครั้งแรก น้องภีมพบกับนักกิจกรรมบำบัดค่ะ
เค้าจะใช้เครื่องนวดตัว แต่น้องภีมไม่ยอม น่าจะไม่ชอบเสียง เพราะปกติจะไม่ชอบเสียงปัตตาเลี่ยนและไดร์เป่าผม ครูฝึกเลยเปลี่ยนเป็นนวดตัว
คุณครูได้จับแขนน้องนิดเดียวบอกน้องเนื้อเหลว และเอ็นข้อต่อไม่ดีค่ะ น้องก็ไม่ยอมอีก น้องภีมร้องและดึงมือแม่ให้ออกนอกประตู คุณครูเลยฝากให้มาฝึกเองที่บ้านมีนวดข้อต่อ ,นวดปาก (จริงๆน้องออกเสียงได้นะคะ เป็นภาษาต่างดาว เล่นเสียงสูงต่ำ ไม่ใช่ว่าปากน้องจะไม่ขยับเลย คุณแม่เลยคิดเองว่า อวัยวะในการออกเสียงเค้าน่าจะโอเคอยู่) เป่าฟองสบู่, ออกเสียงอา โอ อี ในกระจกให้น้องทำตาม ดูบัตรภาพ เป็นต้น
คือว่าน้องยังไม่นิ่งค่ะ ไม่ให้ความร่วมมือ อย่างนี้เรายังไม่เน้นการฝึก SI ได้ไหมคะ ปกติน้องไปเล่นที่สนามเด็กเล่นก็ชอบเล่นกระดานลื่น
และไกวชิงช้า ปีนป่ายได้บ้าง ซึ่งครูฝึกเองก็ว่าเป็นการฝึก SI ในตัว น้องจะมีพฤติกรรมกระตุ้นตัวเองโดยหมุนตัว และวิ่งเป็นวงกลมค่ะ
ไม่บ่อยนะคะ เฉพาะตอนที่ตื่นเต้นดีใจ (ตอนแม่กลับจากทำงานกับหลังอาบนำเสร็จใหม่ๆ)
นัดพบนักกิจกรรมบำบัดอีกที เดือนมิถุนายนค่ะ คุณครูบอกว่า ถ้าน้องยังไม่ยอมรับการฝึก จะต้องมีการบังคับกัน น้องภีมถ้าโกรธเค้าจะร้อง
และไม่ยอมทำตามเลย กลัวว่าจะไม่มีประโยชน์เท่าที่ควรน่ะค่ะ ขอคำแนะนำด้วยค่ะ

[krongkan]

ตอนนี้แนะนำให้เล่นกับลูกให้สนุกอย่างเดียวค่ะ หากมีเวลา พยายามอ่านกระทู้ต่างๆ และทำความเข้าใจ เมื่อได้รับหนังสือแล้วก็ลงมืออ่านค่ะ
ไม่เข้าใจตรงไหนเขียนเข้ามาถามได้ค่ะ เรื่อง SI เก็บไว้ก่อนค่ะ ให้คุณแม่ศึกษา FT ให้เข้าใจและมั่นใจแน่ชัดแล้วว่าจะใช้ FT แน่ๆ ครูนัดอีกที
ตั้งมิถุนายน มีเวลาให้คุณแม่ศึกษาทำความเข้าใจ เมื่อเข้าใจแล้ว ดิฉันคิดว่าคุณแม่จะเลือกได้เองว่าจะพาลูกไปฝึก SI ที่นั่นหรือไม่ค่ะ

[not510tp]

เห็นด้วยกับคุณ krongkan นะครับ คือ อยากให้คุณแม่ศึกษาฟลอร์ไทม์ให้เข้าใจสักหน่อยดูก่อนนะครับ

เพราะการพาลูกไปถูกบังคับ หรือปรับพฤติกรรมต่างๆด้วยการข่มขืนจิตใจแบบนั้น ไม่ใช่แนวทางที่พ่อแม่ในที่นี้เลือกใช้กันนะครับ

ตอนนี้ที่คุณแม่ต้องทำก็คือ งดทีวี งดการ์ตูน งดทุกอย่างที่เป็นการสื่อสารทางเดียวทั้งหมด แล้วหันมาเล่นกับลูกให้สนุก ให้เค้าติดใจ จนมาชวนคุณแม่เล่นอีก

ลูกเล่นอะไรคนเดียว ก็เข้าไปเล่นกับเค้า เค้าทำกิจกรรมอะไร ก็เอาตัวเองเข้าไปมีส่วนร่วม เปลี่ยนกิจกรรมที่เค้าทำคนเดียว ให้เป็นกิจกรรมที่ทำร่วมกันสองคน

ยังไม่ต้องสั่ง ยังไม่ต้องสอนใดๆทั้งสิ้น เล่นกับเค้าให้สนุกก่อนนะครับ ^^

[saowaneecoose]

หวัดดีค่ะ เข้ามาเป็นกำลังใจให้นะค๊ะสู้ๆค่ะ ดิฉันก็ทำตามที่ทุกคนและอาจารย์แนะนำค่ะเล่นกะลูกให้มากตอนนี้ก็เล่นกับเขาอย่างถึงเนื้อถึงตัวเลยค่ะ ก็ยัง
ไม่ค่อยเห็นไรมากเพราะว่าเพิ่งเริ่มทำค่ะ แล้วจะมาแนะนำนะค๊ะถ้ามีไรคืบหน้าค่ะ สู้ๆนะค๊ะเข้าใจหัวอกคนเป็นแม่ใจจะขาด แต่เราต้องสู้เพื่อเขาค่ะ

[NANTARAT]

สวัสดีค่ะ เพื่อนสมาชิกและอาจารย์ทุกท่าน หายไปซักพัก ไปอ่านหนังสือมาค่ะ ไม่ค่อยมีเวลาค่ะ
บางทีมีแอบอ่านที่ทำงาน ตอนนี้น้อง 2ขวบ 4 เดือนเต็มค่ะ เริ่มมีนับเลขตามเรา ร้องเพลง ABC ร้องเพลงที่เค้าชอบตาม แต่เข้าใจว่าเป็นแบบเสียงสะท้อน คือน้องยังไม่เข้าใจความหมาย ตอนนี้น้องติดแม่ค่ะ แบบต้องร้องหาเวลาไม่เจอ แต่ที่กลุ้มใจมากๆคือ เวลาที่น้องถูกขัดใจ หรือสื่อสารแล้ว แม่ (ตายาย) ไม่เข้าใจ ตอบสนองไม่ได้ เค้าจะร้องไห้เสียงดังมากๆๆ และไม่ยอมหยุดง่ายๆจนกว่าจะได้ตามต้องการ เมื่อก่อนไม่ค่อยร้องค่ะ เวลาต้องการอะไรแล้วไม่ได้ แป๊บเดียวจะเลิกสนใจแล้ว ลำพังแม่ก็เข้าใจนะคะ พยายามพูด บอกเค้า เค้าก็มีสงบลงบ้าง เป็นบางคร้ง แต่ตากับยายที่ช่วยเลี้ยงตอนแม่ไปทำงานซิคะ ทนไม่ค่อยได้ (เพราะร้องแบบจริงจังมาก หยุดยาก) รบกวนคุณพ่อคุณแม่ที่มีประสบการณ์ ช่วยบอกวิธีแก้ไขหน่อยค่ะ ขอบคุณค่ะ

[กิ่งแก้ว]

"เวลาที่น้องถูกขัดใจ หรือสื่อสารแล้ว แม่ (ตายาย) ไม่เข้าใจ ตอบสนองไม่ได้ เค้าจะร้องไห้เสียงดังมากๆๆ และไม่ยอมหยุดง่ายๆจนกว่าจะได้ตามต้องการ เมื่อก่อนไม่ค่อยร้องค่ะ เวลาต้องการอะไรแล้วไม่ได้ แป๊บเดียวจะเลิกสนใจแล้ว"

"ลำพังแม่ก็เข้าใจนะคะ"

ตรงนี้คุณแม่เข้าใจว่าอย่างไรคะ หากเข้าใจจริง ประโยคถัดมา ทำไมเป็นอย่างนี้
"พยายามพูด บอกเค้า เค้าก็มีสงบลงบ้าง เป็นบางคร้ง"

แต่ตากับยายที่ช่วยเลี้ยงตอนแม่ไปทำงานซิคะ ทนไม่ค่อยได้

โดยสรุปก็คือ คุณแม่ต้องเข้าใจ และมั่นใจในหลักการแนวทางก่อน จึงจะช่วยให้ผู้อื่นที่ไม่ได้ศึกษาฟลอรืไทม์เข้าใจได้ (ซึ่งก็เป็นเรื่องยาก)

แต่ปัญหาก็คือ คุณแม่บอกเข้าใจ แต่กลับพยายามพูด พยายามบอก เพื่อหวังให้เขาเงียบ

ดิฉันเลยไม่เข้าใจค่ะ

[NANTARAT]

คืออย่างนี้ค่ะ ที่บอกว่าเข้าใจ ดิฉันอาจใช้คำผิดไป ดิฉันรู้สึกสงสารและเห็นใจในความคับข้องใจของเค้าน่ะค่ะ และที่บ้านตายายยังต้องดูแลหลานเล็กๆอายุ 5 เดือนอีกคนนึง ดิฉันจึงจำเป็นต้องใช้คำพูดปลอบประโลมเค้า เพื่อให้สงบลงค่ะ เพราะตายายเหนื่อยกับการเลี้ยงเด็กเล็กๆ แล้วยังต้องทนฟังเสียงกรีดร้องของน้องอีก โดยหลักการแล้วดิฉันยอมรับค่ะว่า ยังไม่เข้าใจอย่างละเอียดนัก คงต้องศึกษากันอีกเยอะ แต่ต้องขอบคุณอาจารย์ค่ะ ที่กรุณาตอบ ฉะนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างนี้อีก ดิฉันควรปฎิบัติอย่างไรดีคะ รบกวนขอแนวทางค่ะ

[กิ่งแก้ว]

เมื่อตัวแปรมีมากกว่าหนึ่ง

คือตัวคุณแม่เอง ตัวลูก และญาติผู้ใหญ่

การกระทำใด ๆ ก็ย่อมส่งผลกระทบต่อทั้งสามฝ่าย

การแก้ไขที่ง่ายที่สุด คือแก้ที่ใจและความคิดของตัวเอง

อันแรก คือ การตระหนักแน่ว่าพัฒนาการของลูกนั้นก้าวหน้าขึ้นแล้ว จากเด็กที่ไม่ค่อยสนใจใคร มาเป็นเด็กซึ่งสามารถยืนยันความรู้สึกของตนเองได้ เพียงแต่วิธีที่เขาใช้ ยังไม่ใช่วิธีที่ผู้ใหญ่ต้องการ

เมื่อใจยินดี สติก็จะบังเกิด ว่าขณะนั้นควรพาตัวเด็กแยกออกไป หรือทำงานอารมณ์ต่อหน้าผู้ใหญ่ด้วยความสงบ

อันนี้ก็ย่อมขึ้นกับความยากง่ายของผู้ใหญ่ด้วย

ลำพังแค่ความเมตตา ความสงสารทั้งต่อตัวลูก และญาติผู้ใหญ่นั้นไม่พอ

การหวังผลเลิศ ต้องอาศัยทั้งสติ และปัญญา

เมื่อตัดสินใจแบบไหน ก็ต้องยอมรับผลของมัน ว่าการคำนึงถึงเด็กมากเกินไป ก็อาจจะส่งผลเสียต่อผู้ใหญ่

คำนึ่งถึงผู้ใหญ่มากเกินไป เด็กก็เสียประโยชน์

ก็ทำให้ดีที่สุด ได้แค่ไหน ก็แปลว่าได้แค่นั้นค่ะ

ก็ต้องขออภัย ดิฉันตอบเป็นวิธีการไม่ได้ ตอบได้แค่วิธีคิดค่ะ