โดย พ่อน้องฟ้า » พุธ 22 ต.ค. 2014 12:45 pm
ขอแชร์กับคุณแม่ เพื่อให้เห็นวิธีการด้วย ผมจะแยกเป็นประเด็นข้อย่อยๆ นะครับ
1. พลังของการสื่อสาร ... ตอนนี้เหมือนน้องพินจะพอเข้าใจมากขึ้นแล้วค่ะ จากเดิมที่ถามอะไรก็จะส่ายหน้าอยู่อย่างเดียว(พยักหน้าไม่เป็น)
พ่อน้องฟ้า / “พลังของการสื่อสาร” น้อง ส่ายหน้า ก็หมายถึง ไม่เอา (ถึงแม้จะอยากเอา)
การตอบสนองของเราก็ต้องให้ตรงกับการสื่อสารนั้น คือ ถอยสิ่งของนั้นออกห่างตัวน้อง
(แต่อย่าห่างมาก เพื่อรอการสื่อสารจากน้องอีก)
เมื่อน้องเห็นการตอบสนองของคุณแม่แบบนั้น น้องก็ต้องโวยวายหรือไม่พอใจ(เป็นการสื่อสารว่า ไม่ใช่ครับ)
คุณแม่ก็เสนอการสื่อสาร “อ๋อๆ...ไม่ใช่ๆ”(พร้อมส่ายหน้า ทำช้าๆชัดๆ )
“จะเอา.... เหรอ”(พร้อมพยักหน้า... ทำช้าๆชัดๆ พร้อมขยับสิ่งของนั้นเข้าหาตัวน้อง)
ทำซ้ำๆ กลับไปกลับมาหลายๆรอบ (เรียกว่า รอบการสื่อสาร) ซึ่งสำคัญมากที่น้อง ต้องสะสมสิ่งนี้ให้มาก
แต่ที่สำคัญ คือ “ใจของเรา” ต้องนิ่ง
นิ่งพอ แม้จะต้องเจอกับเสียงร้องโวยวาย อาการผิดหวัง เสียใจ ฯลฯ ของลูก
นิ่งพอ ที่จะไม่ทำให้ลูกกลัว กังวล เปลี่ยนไปหาสิ่งอื่น
นิ่งพอ ที่จะคิดว่า เรากำลังหยอกล้อเล่นกับเด็ก อายุไม่กี่เดือน
และ นิ่งพอ ที่จะสนุกไปกับการทำฟลอร์ไทม์
และที่สำคัญ ควรจบลงด้วยความสำเร็จของลูก ที่อุตส่าเพียรพยายาม ต่อสู้เอาชนะครั้งใหญ่(ของเขา)
2. จนดิฉันต้องจับหัวน้องให้ผงกแล้วบอกเค้าว่า ถ้าจะเอาต้องพยักหน้า
พ่อน้องฟ้า / นี่ไม่ใช่ การทำฟลอร์ไทม์ ไม่ใช่การสื่อสาร และลูกก็ไม่เข้าใจด้วย
3. ทำอยู่เป็นเดือนๆ จนตอนนี้ถ้าน้องพินอยากได้อะไร แล้วส่ายหน้า ซักพักเค้าก็จะเอามือจับหัวตัวเองเพื่อจะพยักหน้าว่าจะเอาแล้วค่ะ
พ่อน้องฟ้า / เหตุการณ์นี้ น้องเข้าใจว่า “ส่ายหน้าซักพัก แล้วก็เอามือจับหัวตัวเองพยักหน้า”
แล้ว...แม่จะให้สิ่งที่ต้องการ (มันเป็นการเลียนแบบท่าทาง...ที่ไม่ถูก)
เดี๋ยวคุณแม่ก็ต้องมาแก้ไม่ให้เอามือจับอีก
4. ซึ่งเราก็เข้าใจได้ว่าเค้าพยายามจะบอกเราว่าจะเอาทั้งๆที่ท่าทางพยักหน้าของน้องพินช่างไม่เป็นธรรมชาติเอาเสียเลย
พ่อน้องฟ้า / เพราะ มันเป็นการเลียนแบบท่าทาง คุณแม่ก็เห็นผลลัพธ์แล้วว่า “ทำอย่างไร ได้อย่างนั้น”
5. ช่วงหลังๆ น้องพินเริ่มตีดิฉันเมื่อไปขัดใจหรือห้ามเค้าค่ะ ซึ่งดิฉันจะทำหน้าดุพร้อมบอกว่าไม่ตี
น้องพินก็จะหยุด
พ่อน้องฟ้า / ไม่ต้องถึงกับทำหน้าดุหรอกครับ แค่จับมือน้องไว้นิ่งๆ แต่อย่าแรงจนน้องเจ็บ ทำหน้านิ่งๆ
ตามองไปที่ลูก พูดเสียงเข้มๆนิ่ง “ไม่ตี”
ซึ่งจริงๆแล้วสิ่งที่ซ่อนอยู่หลังเหตุการณ์นี้ คือ “ลูกกำลังมีอารมณ์โกรธ” ก็ต้องทำงานอารมณ์
ซึ่งตรงนี้ สำคัญมากๆ ครับ คุณพ่อแม่ต้องฝึกกันจริงจัง (เวลาลูกกำลังมีอารมณ์โกรธ อย่าดุเขา)
6. แต่มีหลายครั้งที่พอเราห้าม เค้ากลับเอามือมาตีหัวตัวเอง จนดิฉันต้องรีบเข้าไปกอดพร้อมกับปลอบว่า โอ๋ ๆ ไม่เป็นไรๆ -_-
พ่อน้องฟ้า / เมื่อแสดงออกอย่างหนึ่งไม่ได้ มันก็ต้องมีที่ระบายออก เพราะ น้องยังไม่เข้าใจว่า
ตัวเองกำลังเป็นอะไร ทำไมมันอยากระเบิด ซึ่งวิธีที่คุณแม่ทำ (ดิฉันต้องรีบเข้าไปกอดพร้อมกับปลอบว่า โอ๋ ๆ ไม่เป็นไรๆ) ยังไม่ถูกตามแนวฟลอร์ไทม์ครับ อย่างที่คุณหมอบอก(ปรับความรู้สึก ปรับความคิดอีกหน่อย)
7. ดิฉันเริ่มไม่มั่นใจกับสัมพันธภาพว่าแน่นพอรึยังค่ะ เพราะเมือเดือนก่อน น้องพินไปวิ่งเล่นหน้าบ้านกับพ่อ พอคนข้างบ้านมาเล่นด้วย ( คนข้างบ้านชอบมาเล่นด้วยบ่อยๆ) น้องพินทำหน้าเหมือนกลัวๆ ซึ่งทำให้ดิฉันและแฟนดีใจที่น้องพินเริ่มไม่ไว้ใจคนอื่น
พ่อน้องฟ้า / คำถาม กับ เหตุผลคุณแม่ ไม่สอดรับกัน
8. แต่พอช่วงนี้ น้องพินกลับไม่กลัวคนข้างบ้านแล้ว เดินไปจูงมือเค้าไปโน่นนี่ด้วยซ้ำ ไม่ทราบว่าแบบนี้เรียกว่าถดถอยหรือเปล่าค่ะ
พ่อน้องฟ้า / ผมยังจำได้ที่วงเราคุยกันเรื่องความกลัวเมื่อ 2 ปีก่อน ความกลัวนี่ก็แปลกนะครับ
กลัวไม่ได้แปลว่าต้องวิ่งหนีเสมอไป ยิ่งกลัวยิ่งต้องติดตามมัน ยิ่งกลัวมาก ยิ่งอยากควบคุมมันไว้
เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ถ้าไม่สามารถควบคุมมันหรือติดตามมันไม่ได้ ก็ยิ่งกลัวมากอยากหนีให้ห่างไปเลย ดังนั้น ลูกจะกลัวหรือไม่กลัว ให้สังเกตแววตา สีหน้า อาการ
9. หรือว่าดิฉันจะทำ floor time น้อยเกินไป
พ่อน้องฟ้า / รู้จักแล้วไม่ทำ ค่อยว่า ทำน้อย ทำมาก แต่ไม่ตรง อันนี้ได้น้อย (ผมก็เป็น)
จะอย่างไรเสีย ก็อย่างทิ้งไปครับ ผมก็ทำอย่างคุณแม่มาผิดๆ ถูกๆ ผิดหวัง เสียใจ โกรธ ทะเลาะกันมา
ศึกษาความรู้เรื่องฟลอร์ไทม์มากๆ ทบทวนบ่อยๆ ระลึกถึงหรือรู้ทันอารมณ์ของตัวเองอยู่เสมอ
หมั่นสร้างกำลังใจให้ตัวเอง ปรับความรู้สึก ปรับความคิด ให้เข้าไปนั่งอยู่ในใจลูกให้ได้ แล้วเราจะเข้าใจ เป็นกำลังใจให้ครับ