ตอนนี้หมั่นโถวอายุสองปีเก้าเดือน ดิฉันพาลูกไปตรวจการได้ยินเบื้องต้นและพบผู้เชี่ยวชาญเรื่องเด็กพูดช้าเมื่อสองเดือนที่แล้ว เพราะลูกพูดได้แค่หนึ่งถึงสิบ (สองภาษา เราอยู่ที่ต่างประเทศค่ะ) บ่ะบาย ซียู เวลาจะไปข้างนอก นอกนั้นก้อภาษาต่างดาวของเค้าเอง
ลูกเป็นเด็กที่ซนมากกกกค่ะ กระโดดทั้งวัน เดินเขย่งเท้าบ่อยกว่าเดินลงส้นธรรมดา ก้อเลยเดาว่าอาจเป็นเด็กสมาธิสั้น และถามผู้เชี่ยวชาญเรื่องการพูดว่า นี่คือสมาธิสั้นใช่ไม๊ เค้าตอบว่ายังเร็วเกินไปที่เช็คเรื่องสมาธิสั้น แต่เค้าเห็นว่าหมั่นโถวนั่งนิ่งๆไม่ได้ และไม่สบตา ซึ่งเป็นอาการบางอย่างของออทิสติก ฟังแล้วตกใจมากค่ะ แถมยังแอบโกรธเค้าอีกด้วย การตรวจทั้งสองเรื่องไม่รู้ผล เพราะลูกไม่ยอมอยู่นิ่งเลยค่ะ
จากนาทีนั้นเป็นต้นมา ดิฉันก้อไม่เป็นอันทำอะไรนอกจากหาข้อมูลเรื่องออทิสติก ยิ่งอ่านมากก้อยิ่งมั่นใจว่าลูกเราเป็นออทิสติกแน่ๆแล้ว ตอนนี้ยังไม่ได้คิวหมอเด็กเลยค่ะ ประเทศนี้ระบบโรงพยาบาลช้าาากว่าบ้านเราหลายเท่า และไม่มีรพ.เอกชน มีแต่ของรัฐเท่านั้น ต้องดิ้นรนหาความรู้เอง
อาการเริ่มมากขึ้นทุกวันต้ังแต่เดือนสค.ค่ะ จากที่เคยไปทานข้าวตามร้านอาหารได้ แต่ก้อนั่งได้ไม่นาน และต้องผลัดกันอุ้ม กลายเป็นว่าไม่เข้าร้านเลย พอเห็นร้านปุ๊บร้องทันที และหยุดเมื่อพาเดินออกไป และจะขึ้นลงบันไดเลื่อนตลอดเวลาถ้าอยู่ในห้าง เมื่อก่อนจะร้องกรี๊ดเมื่อถูกขัดใจ แต่ตอนนี้แค่ทำของเล่นหล่น ก้อร้องกรี๊ดขึ้นมา
ช่วงที่อาการเริ่มหนักขึ้นนั้น เราย้ายบ้าน พาเค้าเข้าเตรียมอนุบาล มีเด็กในห้องประมาณสิบสองคน ทำให้เห็นพัฒนาการที่ล่าช้าของลูกอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับเด็กๆคนอื่น แต่ก้อยังปลอบใจตัวเองว่าอาจเป็นเพราะปัญหาการได้ยิน. แต่เมื่อเห็นว่าลูกไม่สามรถร่วมกลุ่มกับคนอื่น เดินหนีกลุ่มไปหาของเล่นมาเล่นเอง โดยไม่สนใจเรื่องอาหารด้วยค่ะ คนอื่นกินอาหารตามปรกติ ลูกเรากินแต่ขนมปังกรอบอย่างเดียว(อาหารที่กินประจำมีแค่ไส้กรอก ข้าว คอนเฟล็กซ์ มาม่า ถั่ว ขนมปัง ไอศรีม ช็อคโกแลต และพวกขนมกรุบกรอบในบางครั้ง)
เรื่องไม่สนใจคนอื่นนี้ เพิ่งเป็นเมื่อตอนเข้าอนุบาล ก่อนหน้านั้นไม่กลัวใครเลย หรือว่าอาจไม่รู้จักกลัวเพราะกลัวไม่เป็นก้อไม่ทราบค่ะ จะเล่นกับทุกคน เช่นที่สระว่ายน้ำ จะเล่นน้ำ และชวนให้คนอื่นกระโดดน้ำ โดยดึงมือพวกเค้าให้มาที่ขอบสระ ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่
อาการที่ทำให้ดิฉันคิดเดาเอาว่าลูกเป็นออทิสติกแน่(รอหมอไม่ไหวค่ะ จะต้องช่วยลูกก่อน)คือ
เคยพูดได้หลายคำช่วงก่อนหนึ่งขวบต่อมาพอเดินได้ แล้วหยุดพูด ดิฉันคิดไปเองว่าลูกคงตั้งใจหัดเดินมาก เลยหยุดเรื่องพูดเอาไว้ก่อน
อาการชอบเดินเขย่งก้อตามมาแต่ดิฉันและญาติๆคิดว่าเป็นเรื่องตลก และลูกคงอยากเต้นบัลเล่ต์
ไม่รู้จักกลัวใคร
และไม่กลัวความมืด
ตอนเล็กๆชอบแอบกินสบู่เหลว โลชั่น ยาสระผม แบบหน้าตาเฉย ไม่แสดงอาการว่าขม
ชอบกระโดดบนเตียง จนกว่าแรงจะหมดจนม่อยหลับไปในตอนกลางคืน ส่วนกลางวันจะนอนง่ายหน่อยค่ะ
ถ้าเข้าห้างต้องขึ้นลงบันไดเลื่อนหลายสิบรอบ
ต้องการอะไร ไม่ชี้ จะใช้จูงมือผู้ใหญ่ให้ไปอยู่ใกล้สิ่งนั้น และผลักมือเราให้หยิบให้
กรีดร้องนานและดังมากกกกกกกเวลาเราบอกว่า ไม่ได้
ชอบอยู่กับแม่ แต่ไม่ถึงกับติดหนึบ แม่ไปข้างนอก ไม่เป็นไร อยู่กับใครก้อได้
อาการที่เพิ่งเกิดตั้งแต่เดือนสค.เป็นต้นมาคือ
ชอบปลีกวิเวก ไม่อยากเล่นกับคนอื่น ไปนอนเล่นในตู้เสื้อผ้า และปิดประตูตู้ไม่ให้แสงเข้า
นั่งดูทีวีอยู่ด้วยกัน จะดันหลังให้แม่ลุกออกจากโซฟา ดุนหลให้แม่เข้าห้องนอน ปิดประตูให้แม่ และกลับมากระโดดคนเดียวที่โซฟา
บางทีเค้าอยู่ในห้องนอน พอแม่เข้าไปหา ก้อดันให้ออกและปิดประตู บอกบ่ะบาย ซียู (สองข้อนี้ แกทำแค่บางครั้งเท่านั้นค่ะ ปรกติจะไม่รำคาญเราแบบนี้)
นอนเล่นเหมือนคิดอะไรอยู่ แต่ไม่เกินห้านาที เพราะปรกติจะอยู่เฉยไม่เป็น จะยุกยิกตลอดเวลา พอเห็นนอนเฉยๆเลยกังวลค่ะ
เริ่มไม่ชอบคนแปลกหน้า โดยที่เมื่อก่อนแกเฟรนด์ลี่กับทุกคน (จนมากเกินไป)
กรีดร้องกับทุกเรื่อง
ติดแม่มาก ไปอนุบาล ถ้าไปกับแม่ จะงอแงกว่าไปกับพ่อ
ไม่ว่าจะทำอย่างไร ก้อไม่สามารถทำให้แกสงบจนนอนกลางวันได้ คือต้องรอให้หมดแรงไปเองเท่านั้น
และไม่ว่าจะนอนกลางวันหรือไม่ เที่ยงคืนถึงตีห้า จะไม่นอนค่า ดูการ์ตูนจนกว่าจะหมดแรงดู ไม่ให้ดู จะร้องและเราก้อต้องให้ดู เพราะกลัวเพื่อนบ้านบ่น เสียงของลูกจะดังกว่าเด็กปรกติประมาณห้าเท่าค่ะ
จากนั้นจะหลับแบบลึกมาก ปลุกยาก ผลคือไปอนุบาลตอนสิบเอ็ดโมงเกือบทุกวัน
ขอโทษที่เล่ายาวนะคะ
ขอเรียนถามความเห็นของอ.กิ่งแก้วว่า อาการที่เล่ามานี้น่าจะเป็นออทิสติกแน่แล้วใช่ไหมคะ
อยากกลับไปเมืองไทยเพราะว่าการช่วยเหลือลูกคงเป็นไปได้เร็วกว่าที่นี่ แต่ติดที่ลูกสาวคนโตแกเรียนหนังสือที่นี่ บวกกับค่าใข้จ่ายในการบำบัดที่เราต้องออกเอง ที่นี่ไม่มีค่าใช้จ่ายแต่ต้องรอนานมากค่ะ
ตั้งแต่รู้ว่าลูกเป็นออทิสติกแน่แล้ว จนถึงตอนนี้ก้อยังทำใจไม่ได้ค่ะ กลัวเรื่องอนาคตของลูกและสิ่งต่างๆที่จะตามมา ที่ทำได้คือร้องไห้เกือบตลอดเวลา จนได้มาเจอเว็บฟลอร์ไทม์ และอ่านบล็อคของแม่ก้อย จึงทำใจได้ขึ้นมานิดนึงค่ะ
ขอบพระคุณเพื่อนร่วมทางในอนาคตทุกๆท่านค่ะ
แม่หมั่นโถว
ลืมเล่าเรื่องความผิดพลาดที่สุดในชีวิตที่อาจเป็นสาเหตุให้อาการของลูกแย่ลงคือ ได้ปล่อยให้ลูกดูการ์ตูนทั้วันตั้งแต่อายุสี่เดือนค่ะ เมื่อเริ่มสงสัยในอาการของลูกจึงให้ดูน้อยลง แต่ดูเหมือนอาจจะสายไป เพราะทุกวันนี้ต้องดูจนหลับ ไม่งั้นแกกรี๊ดจนเราทนเกรงใจเพื่อนบ้านไม่ไหว ต้องรีบเปิดค่