คุณปู่.....เป็นงง.....

คุณปู่.....เป็นงง.....

โพสต์โดย คุณปู่ » พฤหัสฯ. 24 พ.ค. 2012 3:32 pm

ต้องขออภัยที่ใช้ภาษาวัยรุ่นในการเริ่มต้นหัวข้อกระทู้
คุณปู่พร้อมกับคุณย่านำหลานชายคนนี้มาเลี้ยงตั้งแต่เล็ก (สาเหตุ...เพราะลูกชายลูกสะใภ้ทำงานอยู่ต่างประเทศ) พบอาการPDDและปรึกษาแพทย์ตั้งแต่อายูสองขวบขณะนี้อายุย่างเข้า5ขวบ คุณหมอจัดสถานะให้อยู่ในประเภท PDD Spectrum และเริ่มต้นเข้าโปรแกรมพัฒนาการกับครูพบและครูแอน โดยการแนะนำของหมอ และส่งผลรายงานอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งเข้าเรียนชั้นอนุบาลหนึ่งเทอมเมื่อปีที่ผ่านมา โดยได้รับความร่วมมือและช่วยเหลือจากทางโรงเรียนให้ความดูแลและสนใจเป็นพิเศษ คุณปู่คุณย่าเองก็ให้ความสนใจและอ่านหาความรู้เกี่ยวกับPDD และDIR/Floortime มาพอสมควร ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีได้ผลเป็นที่น่าพอใจ แต่เรียนไม่ทันจบเทอมหนึ่งก็มีเหตุให้ต้องย้ายไปอยู่ต่างประเทศประมาณครึ่งปี ระหว่างนั้นก็นำไปเข้าคอร์สซัมเมอร์กับรร.ชุมชนคนไทยอยู่ร่วมกับลูกหลานคนไทยในต่างแดน สังเกตุหลานชายมีพัฒนาการที่ดีขึ้นทั้งด้านภาษา(หลานชายเป็นเด็กพูดได้สองภาษา...แต่ถนัดภาษาอังกฤษมากกว่า) และสังคม ตอนนี้นำหลานชายกลับมาเรียนต่อที่โรงเรียนเดิม พร้อมกับหัดกิจกรรมเรียนว่ายน้ำไปด้วย
ความจริงก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่จะต้องนำเข้ามาเป็นกระทู้ให้เปลืองเนื้อที่ของท่านอี่นๆ เพียงแต่เมื่อวานนี้ได้มีโอกาสนัดคุณหมอประจำตัวของหลานชายเพื่อทำการประเมินผล หลังจากไม่ได้พบกันเกือบปี ตกใจกับการที่คุณหมอถามว่าหลานชายมีแรงมากขึ้นหรือไม่ ซึ่งได้ตอบว่าใช่เพราะหลานชายเป็นเด็กที่แข็งแรงมาตั้งแต่เล็ก มีทักษะในการเล่นต่างๆดีกว่าเด็กอื่นๆ(ไม่ได้เข้าข้าง) คุณหมอเปรยว่าอาจจะต้องใช้ยาเข้าช่วย ขอเน้นคำว่า"ยา" และเป็นครั้งที่สองที่ได้ยินคุณหมอเอ่ยออกมา (ครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว)
คุณปู่คุณย่าศรัทธาในการเลี้ยงหลานชาย โดยการให้ความรักและฝึกฝนในการสอนให้หลานชายคิดและช่วยตัวเอง(เข้าใจเองว่าเป็นแนวทางหนึ่งของDIR/Floortime ) เวลาที่หลานชายดื้อหรือตื่นกลัว ก็จะใช้การพูดจาทำความเข้าใจและอดทนในการเปรียบเทียบเพื่อให้กล้าเผชิญกับเหตุการณ์หรือสภาวะนั้นๆ
เคยดูภาพยนตร์ฝรั่งหลายเรื่องเกี่ยวกับการรักษาคนที่มีปัญหาด้วยการให้ยากดประสาทในสมัยก่อนแล้วรู้สึกว่าเป็นเรื่องทารุณทั้งทางร่างกายและจิตใจ คุณปู่ดูหนังในทำนองนี้เมื่อไร จะนอนฝันร้ายทุกครั้ง เมื่อได้ยินจากปากคุณหมอเอง คุณปู่ก็เลยเป็น....งง จนป่านนี้ยังไม่กล้าที่จะคิดหรือถามคุณหมอ เพราะยังไม่สามารถยอมรับกับคำตอบที่จะตามมา เลยอยากแอบตั้งกระทู้ถาม ถึงความจำเป็นในการใช้ยาและผลที่ได้รับ รวมทั้งความรู้ต่างๆจากผู้มีประสพการณ์
คุณปู่
 
โพสต์: 3
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. 24 พ.ค. 2012 2:25 pm

Re: คุณปู่.....เป็นงง.....

โพสต์โดย กิ่งแก้ว » พฤหัสฯ. 24 พ.ค. 2012 7:20 pm

ต้องขออภัยคุณปู่ด้วยค่ะ ที่ดิฉันไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ ด้วยตัวเองไม่มีประสบการณ์ในการใช้ยา และยังไม่คิดที่จะศึกษาเรื่องยาค่ะ

แต่ต้องขอเรียนคุณปู่ว่า ผู้ป่วยและญาติผู้ป่วยมีสิทธิทุกประการในการสอบถาม ขอความรู้เพิ่มเติม จากแพทย์ผู้รักษา ประกอบการตัดสินใจ
กิ่งแก้ว
 
โพสต์: 865
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 07 ต.ค. 2011 6:48 pm

Re: คุณปู่.....เป็นงง.....

โพสต์โดย พ่อน้องเฌอแตม » พฤหัสฯ. 24 พ.ค. 2012 10:49 pm

ตามความเห็นผมนะครับ


สอบถามจากคุณหมอด้านพัฒนาการถึงข้อดีและช้อเสีย จะดีกว่าครับ แล้วลองหา second opinion

จากคุณหมอท่านอื่นๆดีไหมครับ แล้วเราค่อยมาพิจารณาอีกครั้งว่าจะรับยาหรือไม่ครับ


เป็นกำลังใจให้ครับ

ปล. ประทับใจครับที่มีคุณปู่คุณย่าเป็นห่วงหลานและสนใจ floortime นะครับ
ครั้งหนึ่งผู้ใหญ่ทุกคนต้องเคยเป็นเด็ก แต่มีน้อยคนที่จะจดจำความเป็นเด็กได้ รูปภาพ
พ่อน้องเฌอแตม
 
โพสต์: 77
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร 11 ต.ค. 2011 8:45 am

Re: คุณปู่.....เป็นงง.....

โพสต์โดย คุณปู่ » ศุกร์ 25 พ.ค. 2012 6:50 am

ขอบคุณอาจารย์และเพื่อนสมาชิกที่สนองตอบกระทู้ได้รวดเร็วปานกามนิตหนุ่ม......อาจจะเป็นด้วยรากเหง้าของคุณปู่ที่ไม่ค่อยให้ความศรัทธาในเรื่องหยูกยา เพราะวิทยาการด้านนี้ยังมีการวิจัยค้นคว้าที่ไม่สิ้นสุด มนุษย์เราทำตัวเป็นหนูทดลองยาอยู่ทุกวันโดยไม่รู้ตัว วันดีคืนดีกว่าจะตระหนักว่ายาตัวที่บอกว่าวิเศษนักหนา มีผลข้างเคียงและผลเสียต่อส่วนอื่นของร่างกายก็สายเสียแล้ว นั่นแหละคุณปู่ก็เลยต้อง.....เป็นงง....
ส่วนเรื่องยาที่จะใช้กับหลานชายยิ่งยอมรับไม่ได้ใหญ่......อาจจะทำให้ภาคการเจริญทางสติและสมาธิที่เด็กควรจะสั่งสมเพื่อให้เกิดปัญญาด้อยลงไป คุณปู่คิดง่ายๆเท่านี้ ว่าไม่อยากให้หลานชายใกล้ความเป็นหุ่นยนต์มากขึ้น หรือการให้ยาจะง่ายกว่าการฝึกให้เด็กนั่งร้อยลูกปัด.......
อย่างไรก็ตาม คุณปู่จะสูดลมหายใจเข้าปอดยาวๆ เจอกับหมอของหลานชายครั้งหน้า ต้องได้เห็นดีกัน.......(ล้อเล่นนะครับ) คงจะทำตามคำเสนอแนะของเพื่อนสมาชิกในการหาเวลาพูดคุยกับคุณหมอมากกว่านี้สักหน่อย......ขอบคุณมากๆ...จากใจ
คุณปู่
 
โพสต์: 3
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. 24 พ.ค. 2012 2:25 pm

Re: คุณปู่.....เป็นงง.....

โพสต์โดย สายป่าน » ศุกร์ 25 พ.ค. 2012 9:42 am

คุณปู่คะ คำว่า "มีแรงมากขึ้น" ของคุณหมอ หมายถึง แรงของ"ร่างกาย"
หรือ แรงของ"อารมณ์"คะ ถ้าดิฉันเข้าใจไม่ผิด คุณปู่มองคำถามนี้ว่าคือร่างกายใช่ไหมคะ
ดิฉันไม่มีความรู้เรื่องยาค่ะ เพียงแต่สงสัยว่า ถ้าเด็กมีแรงเยอะ ในแง่ของร่างกาย
คุณหมอจะต้องให้ยาด้วยหรือคะ หรือว่าคุณหมอถามเรื่องอารมณ์ แล้วเราตอบเรื่องร่างกาย
จะเป็นไปได้ไหมคะ ที่สื่อสารไม่ตรงกัน
ถ้าดิฉันเข้าใจผิด หรือข้อสงสัยของดิฉันทำให้คุณปู่สับสน ต้องขอโทษด้วยนะคะ
สายป่าน
 
โพสต์: 130
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 10 ต.ค. 2011 11:22 am

Re: คุณปู่.....เป็นงง.....

โพสต์โดย คุณปู่ » ศุกร์ 25 พ.ค. 2012 10:08 pm

คุณปู่คงต้องคุยรายละเอียดกับคุณหมอมากกว่านี้ แต่เบื้องต้น คุณปู่เข้าใจว่ากำลังคุยถึงสภาวะอารมณ์ที่อาจใช้กำลังรุนแรง เช่นการดื้อแพ่ง หรือการเผลอใช้กำลังในบางสถานการณ์ซึ่งยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เลยเกิดคำถามขึ้นมาว่า บางครั้งการใช้ยายังเป็นแนวทางในการรักษาลูกหลานของเรา และแนวความคิดของdir/floortimeเกี่ยวกับการใช้ยา มีความจำเป็นมากน้อยเพียงใด
คุณปู่
 
โพสต์: 3
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. 24 พ.ค. 2012 2:25 pm

Re: คุณปู่.....เป็นงง.....

โพสต์โดย พ่อน้องเฌอแตม » ศุกร์ 25 พ.ค. 2012 11:54 pm

ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ (จะผิดจะถูกคงต้องให้คุณปู่ตัดสินใจอีกทีนะครับ)


ผมคิดว่ายาก็มีทั้งด้านบวกและลบเหมือนกันนะครับ หากประโยชน์ที่ได้จากการใช้ยา มีทางอื่นๆที่ทำได้

เช่นกัน แต่อาจไม่ง่าย(เหนื่อยมากกว่า)เหมือนการให้ยา (เช่นทำให้เด็กนิ่งขึ้น) หากเป็นผมก็คงเลือกวิธีที่

เหนื่อยมากกว่าครับ แล้วทำให้เต็มกำลังที่สุด หลังจากนั้นถ้าจำเป็นจริงๆ(ย้ำนะครับ จำเป็นจริงๆ) ก็อาจ

ต้องลองใช้ยาดู (ซึ่งคงเป็นตัวเลือกสุดท้ายกระมังครับ)


ก็คงฟังหลายๆความเห็นประกอบการตัดสินใจนะครับ แต่ผมค่อนข้างเห็นด้วยกับคุณปู่ครับ


หลานคุณปู่เนี่ยโชคดีจริงๆนะครับ มีคุณปู่ที่ใส่ใจมากๆถึงขนาดนี้


สู้ๆนะครับคุณปู่คุณย่า (และคุณหลานด้วยครับ)
ครั้งหนึ่งผู้ใหญ่ทุกคนต้องเคยเป็นเด็ก แต่มีน้อยคนที่จะจดจำความเป็นเด็กได้ รูปภาพ
พ่อน้องเฌอแตม
 
โพสต์: 77
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร 11 ต.ค. 2011 8:45 am


ย้อนกลับไปยัง ถาม-ตอบ



cron