www.floortimethailand.com

สวัสดีครับ ผมเป็นสมาชิกใหม่ในนี้นะครับอยากถามทุกท่านดังนี้นะครับ (ตอนนี้ลูกชาย 1 ปี 7 เดือนครับ)
อาจจะยาวนิดนึงตามหัวอกคนเป็นพ่อที่เริ่มเห็นความผิดปกติลูกและเริ่มทำใจมาได้บ้างแล้ว ในขณะที่คนอื่นๆยังไม่อยากจะเชื่อหรือยอมรับ (อันนี้ผมเข้าใจ) แต่ผมก็จะพยายามทำให้ลูกผมปกติโดยเร็วที่สุดนะครับ (คิดแผนลาออกจากงานมาดูแลลูกไว้แล้ว)
1.พอดีผมกับภรรยามาทำงานที่ กทม โดยลูกชายฝากคุณยายเลี้ยงที่ต่างจังหวัด ปกติทุกวันนี้ก็จะนั่งเครื่องบินกลับไปหาลูกอาทิตย์เว้นอาทิตย์ครับ ทุกทีจะใช้ VDO CALL ซึ่งลูกก็จะสนใจดี หัวเราะดีใจเมื่อเห็นผมกับแม่ของเขาในโทรศัพท์นะครับ แต่สนใจได้สักพักก็จะแย่งโทรศัพท์มาเล่น โดยไม่ค่อยสนใจผมกับแม่ของเขาอีก
2. พัฒนาการทุกด้านตามเล่มชมพูทุกอย่าง ยกเว้น ยังไม่พูด และชอบพูดพาษาตัวเอง สบตาได้น้อย(มีสบตาบ้าง) และที่สำคัญไม่ชี้บอกความต้องการแต่จะจูงมือไปให้ทำให้ครับ แต่ยังสามารถมองตามสิ่งที่เราชี้ชวนให้ดูได้
3. ชอบเล่นซ่อนหา จ๊ะเอ๋ เอาของไปซ่อนก็หาได้ ช่วงนี้ชอบเลียนแบบ เช่น เอาไม้กวาดๆบ้าน รู้จักการเอาผ้าออกจากเครื่องซักผ้า เช็ดพื้น เอาแปรงใส่ปากเพื่อแปรงฟัน แต่ยังบอกฉี่กับอึ ไม่ได้นะครับ
4. การเคลื่อนไหวปกติทุกอย่าง ชอบปีนป่าย(ไปทุกที่ๆไปได้) และมีทักษะในการแก้ปัญหาง่ายๆพอสมควร
5. ต่อของเล่นเป็นชั้นๆได้ประมาณ 3 ชั้น รู้จักรูปทรง 2 อย่าง (วงกลม กับรูปดาว) สามารถขีดเขียนกับบอร์ดของเล่นและลบเองได้
6. ชอบดูมือถือเวลากินข้าว(ตอนเด็กๆให้ดูเพราะซนตอนนี้ลดลงแล้วครับ) ไม่ชอบให้คนแปลกหน้าถูกตัว
7. เวลาเรียกชื่อจะหันถ้าเป็นเสียงตนคุ้นเคย แต่เวลาเล่นของเล่นจะไม่หันนะครับ
8. ของหมุนๆ ไม่ชอบ ชอบนั่งรถเล่น ชอบมองดูไฟบ้างเวลาไปที่ไม่คุ้นเคย เวลาไปสถานที่แปลกๆแรกๆจะไม่ยอมเดิน แต่สักพักพอคุ้นเคยก็จะเดินเอง (มองหาพ่อแม่บ้าง ถ้าเป็นที่ไม่คุ้นเคย)
9. ของเล่นเล่นเป็นบางอย่าง เช่น รู้ว่าบล๊อกไม้มีไว้ต่อ รู้จักเข็นรถเข็นเด็ก เล่นเป็น เปิดหนังสือได้ เล่นเตะบอลได้
10. เรื่องการกิน ไม่ได้เจาะจงครับ เปลี่ยนอาหารบ้างก็กินได้ปกติ และเรื่องทำอะไรซ้าๆยังไม่เป็นครับ

ผมคิดว่า floortime คงเหมาะกับลูกเพราะลูกมีปฏิสัมพันธ์พอสมควร หากลูกผมเป็นออทิสติกจริงน่าจะมีหวังให้อาการดีขึ้น(พให้เขาเรียนหนังสือ ช่วยตัวเอง มีงานทำ) แต่ช่วงนี้ปัญหาของผมคือไม่รู้จะพูดให้คนในครับครัวทำใจเผื่อยอมรับได้อย่างไร เพราะหากเป็นจริงยิ่งรักษาเร็วโอกาสหายจะมากขึ้นไปด้วย (อ่านในเน็ทมา) และช่วงนี้ผมควรฝึกลูกให้พูดอย่างไรบ้าง เพราะบางครั้งลูกก็หงุดหงิดคาดว่าจะมาจากการที่ไม่สามารถสื่อสารได้ ..... ขอบคุณทุกท่านที่กรุณาให้คำตอบครับ

หากเป็นไปได้ แนะนำให้หานักบำบัดตามรายชื่อ ในหัวข้อ เกี่ยวกับเรา ช่วยโค้ชให้ นะคะ

ถ้าไม่สะดวก อาจจลองศึกษาจาก DVD ชุดที่ี 3 แผ่นค่ะ มีตัวอย่างการตืีอยื้อแกล้งงง เพื่อพัฒนาภาษา

แต่ก่อนจะถึงจุดนี้ ดิฉันอยากให้แน่ใจว่าเขาเล่นได้ซับซ้อนพอสมควรแล้ว คือซ่อนแอบได้หลากหลายที่ ใช้ตา ใช้มือ ใช้ร่างกายแก้ปัญหาในการเล่นได้ก่อน

ลองอ่านแนวทางในคู่มือนะคะ การบรรยายเรื่องนี้ มีปลายเดือนเมย. ค่ะ

แนะนำให้ใช้เรืี่ยวแรงกำลังในการพัฒนาเด็กก่อน

บางครั้งการโน้มน้าวให้ผู้อื่นเห็นความจำเป็นของการช่วยเหลือให้ตรงทาง บางทีก็ไม่ง่าย

ดูตัวอย่าง เรื่องคุณนีอตกับน้องภู ในบทความ ก็ได้ค่ะ

เข้าใจว่าอยู่สภาวะเดียวกันในตอนเริ่มต้น ที่ผู้คนรอบข้าง ไม่ได้เห็นปัญหาและไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ทำค่ะ

ค่อนข้างแน่ใจน้องแก้ปัญหาได้พอสมควรครับ
1.แอบที่แปลกๆก็ตามไปหาได้ คือหาผมนะครับ เวลาเอาของที่ชอบไปซ่อนถ้าเห็นจะๆจะหาได้ เวลาจะปีนขึ้นที่สูงรู้จักแก้ปัญหาโดยใช้เก้าอี้เป็นฐาน ขี้อ้อนติดคนคุ้นเคย
2.เล่นกับเด็กอื่นได้บ้าง
3.ส่วนภาษากายที่ชัดๆคือ
- ชูแขนขึ้นเวลาจะให้อุ้มครับ
-เคาะที่ประตูแล้วร้องจะเข้าบ้าง
- ดีใจเวลา face time พอผมกับแม่ไปหาจะดีใจวิ่งเข้าหา
- สนใจมองดูและพยายามทำตามในกิจกรรมที่ทำ
- เวลาจะไปเที่ยวออกนอกบ้านหรืออยากไปเล่นจะไปหยิบรองเท้ามาให้
- หากลุกไปไหน เช่นเข้าห้องน้ำ ถ้าน้องยังสนใจอยู่จะร้องตามทันทีครับ
- ติดคุณยายมาก เพราะยายนอนด้วยทุกคืน เลี้ยงมาแต่เด็ก
4.จะพยายามฝึกการยื้อด้วยตัวเองก่อนนะครับ
ว่าจะเริ่มจากขวดนมนี่แหละ

ขอบคุณมากครับ

พอดีเกลี้ยกล่อมคุณยายพาน้องไปหาหมอพัฒนาการจนสำเร็จจนได้แต่ ลูกผมไม่ยอมเข้าไปหาหมอ (แกจะร้องทุกครั้งที่ไปหาหมอทั้งหมอฉีดวัคซีนแหละหมอฟัน) เหมือนจำได้ว่าเจ็บน่ะครับ
ระหว่างที่คุณแม่น้องอุ้มอยู่ คุณหมอก็เดินออกมา พร้อมกับเดินไปเดินมา แล้วมองมาที่น้องจากนั้นคุณหมอก็เดินเข้าห้องตรวจไป แม่น้องกับคุณยายจึงเดินเข้าไปปรึกษาหมอ ผมจึงต้องอุ้มน้องออกมาข้างนอก เนื่องจากถ้าอยู่ในร้านหมอน้องจะร้องอย่างเดียวเลย 20 นาทีผ่านไป........ แม่น้องเดินออกมาพร้อมยาย
- หมอจากการตรวจสอบเบื้องต้นน้องไม่น่าจะเป็นออทิสติก เพราะคุณหมอบอกว่าน้องมองตามหมอตลอดเวลา และมองยายและพ่อเพื่อขอความช่วยเหลือ ประมาณว่าไม่อยากไปหาหมอ
- ได้คำแนะนำไปฝึกพูด 1 เดือน โดยหวังว่าจะหลุดมาสักคำ และงดมือถือและ TV 100%

ไม่ได้ว่าหมอสรุปเร็วไปนะครับ แต่จะลองไปฝึกน้องพูดดู ... เข้าใจว่าหมอไม่ได้สังเกตน้องใกล้ๆ....ในทางการแพทย์จะสามารถสรุปแบบนี้ได้เลยรึเปล่าครับ (แอบไม่อยากเชื่อหมอ 100% )

งดมือถือและทีวี 100% เป็นสิ่งที่เหมาะสมกับเด็กเด็กครับ

ส่วนการฝึกพูดนั้น ถ้าเราตั้งความหวัง ว่าจะพยายามฝึกให้เขาพูดได้เร็วๆ

อาจจะทำให้มีความเครียด ทั้งผู้ใหญ่และเด็ก

ไม่ว่าเด็กที่พัฒนาการช้าหรือเด็กปกติ ก็ไม่ชอบการฝึก หรือการบังคับ ที่น่าเบื่อและทำให้เขาไม่มีความสุข

การตื้อยื้อ แกล้งงง แกล้งหยิบผิด เหล่านี้ เป็นแนวทางที่เหมาะสม

ที่จะใช้ดึงความอยากพูดอยากสื่อสารของเด็กๆ ให้ออกมาอย่างมีประสิทธิภาพครับ

ขอบคุณคุณน๊อตมาครับ พอดีพึ่งเข้ามาใหม่นั่งอ่านเรื่องคุณน๊อตแล้วผมมีกำลังใจมากขึ้นเยอะค่อยตั้งสติได้หน่อย พยายามจนให้ลูกได้ไปพบหมอจากตอนแรกที่ไม่ยอมท่าเดียว
1 เดือนจากนี้ผมคงต้องพยายามให้มากและต้องให้น้องเจอหมอโดยให้ตรวจละเอียดให้ได้ (กว่าจะพากันไปตรวจได้ผมโดนด่ามาหลายรอบ -.-')
หลังจากพยายามอ่านในนี้และไปใช้เทคนิคตื้อ ยื้อ แกล้ง และเล่นให้สนุก พบว่าลูกติดเรามากขึ้นและสนใจเรามากขึ้นครับ
- เดินห้างได้สักพักก็จะหันมามองเรา
- ชูแขนให้อุ้ม
- มีการดึงมือชวนเล่น
แต่ยังไม่ยอมพูดอยู่ดี พยายามตื้อเรื่องขวดนมได้สัก 10 รอบ จนผมใจอ่อนไปเอง -.-' ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ
ขอถามคุณน๊อตครับ ลูกเราถ้าเกิดเป็นออทิสติกขึ้นมาจริงๆ ในความรู้สึกคุณน๊อตจาก 100% ลูกเราจะได้กี่ % ครับ (อาจเสียมารยาทหน่อยนะครับ)

ไม่ค่อยเข้าใจคำถามครับ ถ้าถามว่า ถ้าหมอวินิจฉัยว่าลูกเป็นออทิสติก จะใช้ฟลอร์ไทม์ช่วยให้ลูกดีขึ้นได้กี่%
ถ้าถามแบบนี้ก็ตอบว่าดีขึ้นได้ 200% ครับ

แต่ถ้าถามว่า ถ้าหมอวินิจฉัยว่าลูกผมเป็นออทิสติก ลูกของผมเป็นประมาณกี่ % จาก 100% อันนี้ขอตอบเลยว่า ไม่ต้องวินิจฉัยครับ เพราะมันไม่มีความหมายอะไร เป็นเพียงคำตัดสิน ให้พ่อแม่หันมาให้เวลากับลูกของตัวเองอย่างจริงจังเท่านั้นครับ (หมอก็วินิจฉัยทั้งสองโรงพยาบาลที่ไปตรวจ ว่าลูกผมเป็น 100% ครับ)

จริงๆแล้ว แนวทางฟลอร์ไทม์เป็นแนวทางที่เหมาะสม ที่จะนำมาใช้กับเด็กๆทุกๆคน และที่สำคัญ พ่อหรือแม่ที่ทำความเข้าใจแล้วใช้แนวทางฟลอร์ไทม์นี้กับลูกของตัวเอง จะได้ประโยชน์อย่างมากมาย จะทำให้ใจเย็นขึ้น จะทำให้เข้าใจธรรมชาติของเด็กมากขึ้น

ปัจจุบันนี้ ถึงแม้เด็กที่เกิดมาจะไม่ได้มีความผิดปกติอะไร แต่ถ้าพ่อแม่ต้องทำงานจนมีเวลาให้ลูกน้อยจนเกินไป ก็ทำให้เด็กปกติมีปัญหาพัฒนาการได้ครับ

แนวทางฟลอร์ไทม์เป็นแนวทางที่ดี และคนที่เหมาะที่จะนำมาใช้ที่สุดก็คือพ่อและแม่ เพราะน่าจะเป็นคนที่มีความอดทน กับลูกของเรามากที่สุด
ถ้าเลือกใช้แนวทางฟลอร์ไทม์ แต่หวังพึ่งคนรอบข้าง หรือคนอื่น ก็คงจะเห็นผลที่น่าพอใจน้อยตามไปด้วยครับ

ลองให้เวลากับเขาทั้งวัน ลองค่อยๆลองพูดกับเขาดีๆนะครับ ลองดู


joker123