หน้า 1 จากทั้งหมด 3

แนะนำทีคะ

โพสต์เมื่อ: เสาร์ 27 เม.ย. 2013 2:48 am
โดย yammoo mooham
ตอนนี้แม่อยู่ในช่วงสับสนมากๆคะเนื่องจากว่าน้องอายุ2 ปี1เดือนเพิ่งได้รับการประเมินว่าเป็นออทริซึม หมอเขาบอกอย่างนั้น แต่แม่ก็ศึกษาข้อมูลก่อนหน้านั้นบ้างซึ่งมันแย้งกันเป็นส่วนใหญ่กับสิ่งที่หมอประเมินหมอบอกว่าไม่สบตาแต่ที่บ้านกับทุกคนเรียกส่วนใหญ่จะหันมา มองสบตาเมื่อพูดด้วยบ้าง แต่มีปัญหาคือพูดได้เป็นคำๆ เช่น หมา ปลา น้ำ ครับฯลฯ ตอนประเมินน้องไม่ชี้แต่ดึงมือหมอไปช่วยยกของให้ แต่ข้างนอกชี้ทุกอย่างที่ต้องการ แต่ไม่พูด หมอใ้ห้ระดับความรุนแรงปานกลาง คุณหมอบอกว่าน้องตกอยู่สามข้อ คือ1. ไม่สบตา เรียกไม่หัน คือปฏิสัมพันธ์ไม่มี 2. น้องชอบเรียงของ คือน้องต่อเรียงบล็อกไม้ให้คุณหมอดู และลากเก้าอี้มาต่อดึงมือคุณแม่ไปนั่ง หมอบอกเป็นพฤติกรรมที่ทำซ้ำๆ 3. ไม่พูด คุณแม่ก็ไม่ได้แย้งอะไรเนื่องจากคุณหมอห้ามไม่ให้พูด ขณะทำการประเมิน แต่ก็ยังเชื่อในความเป็นผู้มีความรู้ หรือเพราะตอนนี้แม่อยู่ในระยะปฏิเสธหรือเปล่าเลยหาข้อแก้ตัวให้ลูกและคุณหมอให้ลูกไป admit เริ่มเดือนมิ.ย 56 เป็นต้นไปจึงมีปัญหามาก เพราะแม่ต้องทำงานและเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวอีกด้วย จึงเริ่มหาข้อมูล ซึ่งได้อ่านบทความของFTแล้วทำให้เกิดควาหวังและดีใจมากๆ หลายๆคนเหมือนกันจึงคิดว่าจะเริ่มศึกษาอย่างแท้จริง จึงอยากขอคำแนะนำ ว่าต้องทำอย่างไรบ้างในการเริ่มต้นใหม่ แม่อยู่จังหวัดลำพูนจึงอยากขอคำแนะนำจากครูพี่เลี้ยงในเขตเชียงใหม่จะติดต่อใครได้บ้างคะช่วยทีคะ

Re: แนะนำทีคะ

โพสต์เมื่อ: เสาร์ 27 เม.ย. 2013 6:33 am
โดย กิ่งแก้ว
วันนี้ดิฉันต้องทำงานทั้งวัน รบกวนสมาชิกช่วยเหลือคุณแม่ท่านนี้ด้วยค่ะ

ดิฉันไม่ทราบว่าบทความสำหรับผู้เริ่มต้นใหม่หายไปไหน 1 บทความ จะพยายามไปหามาโพสต์อีกครั้งค่ะ

Re: แนะนำทีคะ

โพสต์เมื่อ: เสาร์ 27 เม.ย. 2013 1:51 pm
โดย พ่อน้องเฌอแตม
1. อย่างแรกก็ต้องตั้ง "สติ" ก่อนครับ เรียกขวัญและกำลังใจของคุณแม่กลับมาให้ได้ คิดไว้ครับ คนอื่นก็ดีขึ้นได้ ลูกเราก็ต้องดีขึ้นเหมือนกัน (ลองอ่านกระทู้เก่าๆดู แล้วลงมือทำ

เห็นผลแน่นอนครับ)

2. "ไม่ปฏิเสธ" ในสิ่งที่คนอื่นพูดถึงลูกของเรา แต่ให้นำมาพิจารณา และมองว่าเป็น "สิ่งที่ดี" ที่เราได้รู้ก่อน พิจารณาดูว่าหากเป็นเรื่องจริง เราก็จะได้หาวิธีแก้ไข รวมถึงเราต้อง "ไม่ติดหล่ม"

กับความรู้สึกด้านลบนานจนเสียเวลา ("คิดบวก" เข้าไว้)

3. "อ่าน" คำแนะนำสำหรับผู้เริ่มต้น อยู่ในบทความน่าสนใจครับ เริ่ม "ศึกษา" และ "ลงมือทำ" จะผิดจะถูกยัง "ไม่ต้องกังวล" ทำไปด้วยใจที่ "ร่าเริงเข้าไว้" ("ไม่คาดหวัง"

ให้ได้ผลเดี๋ยวนี้ "อย่าใจร้อน")

4. "พิจารณา" จุดที่ติด ที่ยังเป็นปัญหา โดยมองปัญหาเริ่มจาก "ตัวคุณแม่" เองก่อน แล้วค่อยๆขยับออกจากตัวเรา, ทั้งสิ่งแวดล้อม, การงาน การเงิน และลูก (ตรงนี้ทำไปสักพักจะ

ค่อยๆ แก้ได้ครับ) และมอง "หาตัวช่วย" สำหรับปัญหาเหล่านั้น เช่น ไม่เข้าใจว่า "เล่นให้สนุก" ทำอย่างไร ก็ต้องหาใน youtube บ้าง, ถามผู้รู้บ้าง ครับ หรือไม่ว่างเลี้ยง

ลูกตอนกลางวัน แต่เย็นคุณแม่อาจต้องเลิกงานเร็วขึ้นสักหน่อย แล้วกลับมาเล่นกับลูกให้มากขึ้น คุณแม่อาจเหนื่อยขึ้น แต่ "คิดในแง่บวก" ก็ถือว่าเป็นการ "ออกกำลังกาย

แก้เครียด" จากการทำงานทั้งวันก็เป็นได้ครับ

5. ทุกอย่างต้อง "ใช้เวลา", "สติ" และ"ความคิดในด้านบวก" ค่อยๆทำครับ ค่อยๆคิด เรื่องนี้มีขั้นตอน (พัฒนาการก็มีขั้นของพัฒนาการครับ) โดย"เริ่มที่ตัวเราก่อน"

แล้วก็มองหา "กัลยาณมิตร" ที่พอจะแบ่งปันความรู้, ความเข้าใจและเห็นใจซึ่งกันและกันครับ


ส่วนเรื่องผู้รู้ฟลอร์ไทม์ทางภาคเหนือ คงต้องให้อาจารย์ หรือผู้รู้ท่านอื่นมาตอบอีกทีนะครับ


เป็นกำลังใจให้ครับ

Re: แนะนำทีคะ

โพสต์เมื่อ: เสาร์ 27 เม.ย. 2013 2:09 pm
โดย not510tp
คุณแม่พาน้องไปหาหมอ ก็แปลว่าคุณแม่รู้สึกว่าลูกของเราอาจจะมีอะไรที่น่าห่วง

คุณหมอประเมินว่าน้องเป็นออทริซึมระดับปานกลาง ก็เพราะคุณหมอเป็นหมอด้านนี้

เชื่อไม่เชื่อ ใช่ไม่ใช่ ไม่สำคัญเท่าไหร่ สำคุญคือเรารู้แล้ว ว่าลูกของเรามีพัฒนาการที่ช้ากว่าเด็กคนอื่นอยู่มาก

ควรตั้งสติ ตั้งหลัก และเริ่มต้นช่วยให้ลูกมีพัฒนาการที่ดีขึ้นโดยเร็ว เพราะถ้ายิ่งมัวแต่ รอ ก็ยิ่งเสียเวลาอันมีค่าไปโดยเปล่า


เริ่มจากการห้ามให้เค้าดูทีวี,การ์ตูน,ทุกอย่างที่เป็นการสื่อสารทางเดียว แล้วหันมาเล่นกับเค้าให้มากๆ

เล่นให้สนุก เลิกสอนเลิกสั่ง ไม่ต้องสอนไม่ต้องสั่ง เล่นกันให้สนุกๆไปเลย อะไรที่เล่นแล้วเค้าสนุก เค้าชอบ เล่นไปครับ

อะไรที่เค้าทำเค้าเล่นคนเดียว เราต้องเข้าไปทำให้เป็นกิจกรรมที่ทำกันสองคน เริ่มต้นคงเอาแค่นี้ก่อนครับ

ขอบคุณทุกท่านคะ

โพสต์เมื่อ: เสาร์ 27 เม.ย. 2013 7:50 pm
โดย yammoo mooham
เมื่อคืนนี้คุณแม่นั่งอ่านข้อควาเกือบหมดถึง ตี 4 ขอบคุณที่เจอ FT ขอบคุณทุกๆท่านที่ช่วยแชร์ประสบการณ์ คงต้องขอคำแนะนำไปเรื่อยๆ แล้วจำเป็นอยู่หรือไม่ว่าคุณแม่ต้องนำน้องไปadmit ถ้าเราคิดว่าจะทำตามFT อย่างจริงจัง

Re: แนะนำทีคะ

โพสต์เมื่อ: เสาร์ 27 เม.ย. 2013 8:08 pm
โดย กิ่งแก้ว
ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณแม่ค่ะว่าจะเลือกแนวทางไหนให้ลูก

เราทุกคนแนะนำให้คุณแม่ตั้งสติ

เมื่อตั้งสติได้แล้ว ก็เล่นกับลูกมาก ๆ

และงดทีวีแค่นี้ค่ะ

สัปดาห์หน้าดิฉันไม่อยู่ทั้งสัปดาห์ น่าจะไม่ได้เข้า internet เลย

ถ้าคุณแม่สงสัย อ่านคำตอบของคุณพ่อทั้งสองท่านใหม่ หลาย ๆ รอบ

เรื่องสำคัญ ที่จำเป็นต่อผู้เริ่มต้นใหม่ มีอยู่แแล้วในคำตอบค่ะ

Re: แนะนำทีคะ

โพสต์เมื่อ: เสาร์ 27 เม.ย. 2013 8:41 pm
โดย สายป่าน
จำเป็นต้อง admit หรือไม่ คุณแม่คงตัดสินใจเองค่ะ
เพราะคุณแม่จะเป็นผู้มีส่วนได้เสียกับการตัดสินใจนั้นเต็มๆ
ช่วงเวลาที่ต้องตัดสินใจ อาจจะยากค่ะ เลือกวิธีนี้ แล้วจะเสียโอกาสกับวิธีนั้นไหม
แต่ว่าตอนนี้ยังมีเวลาอีกประมาณ 1 เดือน ถ้าจะใช้ ft ก็เริ่มเล่นสนุกกันก่อนเลยค่ะ
เป็นออทิสติกหรือไม่ คุณแม่ก็หาข้อมูลไป
แต่ความเป็นจริงอย่างหนึ่งคือ ถึงจะไม่ใช่ออทิสติก
ลูกของคุณแม่กำลังต้องการความช่วยเหลือจากคุณแม่ค่ะ
ถ้าจะเอาเวลาและพลังงานที่จะใช้ในการหาคำตอบว่าใช่ออทิสติกหรือไม่
มาหาทางช่วยพัฒนาลูกก่อนดีไหมคะ
ถ้าสุดท้ายไม่ใช่ออทิสติก เราก็ไม่ได้เสียอะไร เมื่อเราช่วยให้ลูกเรามีทุกด้านตามเกณฑ์ปกติแล้ว
และถ้าใช่ออทิสติก เราก็ได้เริ่มต้นช่วยเขา เร็วที่สุดเท่าที่เราทำได้แล้ว
เราไม่ได้ปล่อยเวลาที่มีค่าให้ผ่านไป มีแต่เรื่องที่ดีค่ะ

Re: แนะนำทีคะ

โพสต์เมื่อ: อาทิตย์ 28 เม.ย. 2013 12:00 am
โดย พ่อน้องเฌอแตม
ของแบบนี้จะทำให้เชื่อสนิทใจ หรือ "เลิกสงสัย" เลยคงจะยากนะครับ

เอาเป็นว่าคุณแม่ต้อง "ลอง" ครับ ระหว่างรอคิวเรื่อง admit ทางนู้น ก็ "ลอง"ลงมือทำฟลอร์ไทม์ไปก่อน

แล้วหาก"ยังสงสัยอยู่" ก็ "ลอง" ทางนู้นด้วยก็ได้ครับ แล้วใช้สายตา(สัญชาติญาณ)ของคุณแม่เอง เลือกดูครับ

ว่าแบบไหนที่คุณแม่ต้องการมากกว่ากัน


ของแบบนี้ "ไม่ลอง ไม่รู้" จริงๆครับ....

Re: แนะนำทีคะ

โพสต์เมื่อ: อาทิตย์ 28 เม.ย. 2013 3:04 pm
โดย nanthawat
เรื่อง ft ก็ตามความเห็นด้านบนน่ะครับ...เล่นกับลูกให้เค้ารู้สึกสนุกจริงๆ จนติดใจที่จะเล่นกับคุณแม่ตลอด ให้เค้ารู้สึกได้ว่าคุณแม่เป็นคนนึ่งที่เข้าใจเค้าเป็นคนที่เค้าพึ่งพิงได้. เล่นจนให้เค้าติดคุณแม่เยอะ ๆ ... เรื่องที่ว่าน้องเป็นหรือไม่คงไม่สำคัญมากไปกว่าเรารู้ว่าน้องบกพร่องด้านพัฒนาการเราก็ช่วยเค้าเติมเต็มพัฒนาการด้านนั้นให้เค้า
เรื่องพัฒนาการเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา ดังนั้นเรื่อง admit คุณแม่คงค้องตัดสินใจดู. ผมอยู่ลำปางรู้ว่าลูกน่าจะอยู่ในกลุ่มก็อายุประมาณนี้แหละครับ ผมไม่ได้ admit แต่ได้ศึกษาและทำ ft กับลูกตลอด และพาไปพบหมอและนักกิจกรรมตามที่เค้านัดซึ่งเค้าจะประเมินได้ว่าลูกเรายังขาดส่วนใหน. ที่เชียงใหม่ก็ไปที่ศูนย์พัฒนาเด็กราชนครินทร์ที่แม่ริมได้ครับอยู่ติดกับ รพ.นครพิงค์ ไปที่นั่นเค้าก็จะตรวจประเมินและรักษา ซึ่งเค้าอาจจะนัดเดือนละครั้งเพื่อทำกิจกรรมบำบัดต่างๆ ....แต่ไม่ใช่ว่าเราจะรอตามที่เค้านัดอย่างเดียวระว่างนี้ก็ทำft. นี่แหละครับซื้อ cd ซื้อหนังสือจากใน web. นี่แหละครับมาศึกษารวมทั้งกระทู้ต่าง ๆ มีประโยชน์มาก ...สงสัยอะไรก็ post. ไว้นะครับมีอะไรพอแนะนำได้จะเข้ามาตอบครับ

Re: แนะนำทีคะ

โพสต์เมื่อ: อาทิตย์ 28 เม.ย. 2013 9:53 pm
โดย ta-mom
มาร่วมเป็นกำลังใจให้ด้วยคนค่ะ

คุณแม่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องทำงาน แล้วระหว่างวันใครดูแลน้องคะ เป็นญาติ หรือว่าพี่เลี้ยงเด็ก ?

ที่อยากแนะนำคือ พยายามหาคนมารับเรื่องงานบ้านไปค่ะ งานบ้าน งานครัว ทำอาหาร ซักผ้า ทำความสะอาดบ้าน แล้วก่อนไปทำงาน กับหลังเลิกงาน ใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุดในการเล่นกับน้องนะคะ ลงมือทำยังงัยต้องดีกว่าไม่ทำแน่นอนค่ะ

ส่วนเรื่องเล่น ขออนุญาตแนะนำนะคะ จะได้ไม่หลงทางเหมือนดิฉัน เป็นการย่อยความเห็นจากพ่อแม่มือโปรด้านบนนะคะ

1. ก่อนเล่น ทำใจสบายๆ อย่าเพิ่งไปคาดหวังว่าลูกจะตอบสนองตามที่เราต้องการ (เวลาลูกวิ่งหนีเรา จะได้ไม่เครียด) ให้คิดเหมือนหนุ่มมาจีบสาวใจแข็งคนหนึ่ง ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก
2. ดูว่า ณ ขณะนั้น ลูกทำอะไรอยู่ เช่น เรียงของอยู่ ให้เราค่อยๆ กระดึ๊บๆ เข้าไป ทำเเสียงให้เค้ารู้ด้วยว่าเราจะเข้าไปแล้วนะ เช้น "ตะล้อกต๊อกแต๊ก มาทำไม ตะล้อกต๊อกแต๊ก มาเล่นกับหนู " เค้าจะได้ไม่ไก่ตื่นหนีไปซะก่อน และถ้าเค้าไม่หนี ยังคงเรียงของอยู่ ให้เราเจ๊าะแจ๊ะไปเรื่อยๆ เช่น "โอ้โห เรียงเก่งจัง เล่นด้วยดิ" แล้วลองค่อยๆ ยื่นมือไปจับของ ถ้าเค้ายอมก็เล่นต่อ ถ้าเค้าเริ่มขยับหนี ก็ให้ถอยก้าวนึง บอกว่า "โอ๋ๆ ไม่อยากให้ยุ่ง งั้นแม่ดูเฉยๆนะ " ชวนคุย จับโน่น วางนี่ น้ำเสียงต้องสนุก (ฝืนๆหน่อย) สีหน้า สนใจ อยากรู้ อยากเล่นด้วย ถ้าเค้ายังไม่ขยับหนี ยังไม่เปลี่ยนเรื่องเล่น เราก็อยู่กับเค้าอย่างนั้นล่ะค่ะ

แต่ถ้าเค้าหนี เราก็ตามค่ะ แค่นั้นเอง ประมาณว่า เธอทำอะไร ชั้นทำด้วย เธอนั่งชั้นนั่ง เธอนอนชั้นนอน เธอวิ่งชั้นวิ่ง เธอเรียงของชั้นเรียงด้วย เธออ่านหนังสือชั้นดูด้วย ทำไปอย่างนี้ทุกวัน เค้าก็จะยอมรับเราให้เป็นส่วนหนึ่งในโลกของเค้า พอยอมรับกัน เราชวนเค้าเล่นบ้าง เค้าจะยอมเล่นด้วยง่ายขึ้นค่ะ

ยกตัวอย่างสิ่งที่ดิฉันหลงทางมาก่อน คือ ไม่ยอมรับอย่างจริงใจ ในสิ่งที่ลูกทำอยู่ ไม่ชอบ อยากให้เลิก คือลูกชอบอ่านหนังสืออ่ะคะ ดิฉันก็พยายามนำเสนอ ชวนมาเล่นอย่างอื่นที่ดูแล้วน่าสนุกกว่าเยอะ อุปมาเหมือนตะโกนเรียกคนไม่รู้จักกันว่า "เธอๆ ตรงนี้สนุก มาสิ มาเล่นกัน" เรียกให้ตายก็ไม่มาหรอก จนกระทั่งดิฉันมาตั้งต้นใหม่ ประมาณว่า "เอาวะ หนังสือก็หนังสือ ดูซิ ใครจะทนกว่ากัน" แรกๆ ไม่สนใจ ต่อมาเค้าเริ่มสนใจเราบ้าง ต่อมาก็ชี้ภาพในหนังสือให้เราดู ต่อมาก็ชี้ให้ดูพร้อมเรียกชื่อภาพ จนเดี๋ยวนี้เราไม่ดู ก็ลากเรามาดูด้วยกัน

นอกจากขอเข้าไปในโลกของเค้าแล้ว เราต้องสังเกตช่องทางอื่นๆด้วย เช่น ชอบเล่นจั๊กจี๋ไม๊ ชอบกระโดดไม๊ ชอบให้นวดให้กอดมั้ย เยอะค่ะ ในคู่มืออาจารย์กิ่งแก้วมีครบ ทำตามตัวอย่างไปได้เลย เน้นค่ะ ตัวอย่างที่อาจารย์ให้ไว้ครบจริงๆ ต้องอ่านค่ะ ต้องอ่าน

สุดท้ายค่ะ กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จวันเดียวฉันใด การพัฒนาลูกรักของเราก็ไม่สิ้นสุดแค่วันเดียวเช่นกันค่ะ

3. อันนี้เคล็ดลับเรียกกำลังใจส่วนตัว ดิฉันมีเพลงที่ชอบเพลงหนึ่ง คือ I dont wanna miss a things ของ Aero smith เวลาลูกหลับ เรามองหน้าลูก ฟังเพลงนี้ จะทำให้รู้สึกว่า เรารักเค้ามากขนาดไหน และพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อเค้า

เนื้อเพลงท่อนที่ชอบค่ะ

Lying close to you feeling your heart beating
And I'm wondering what you're dreaming
Wondering if it's me you're seeing
Then I kiss your eyes
And thank God we're together
I just want to stay with you in this moment forever
Forever and ever

เป็นกำลังใจให้ค่ะ