www.floortimethailand.com

เรียนคุณหมอกิ่งแก้วครับ
พอดีผมได้เข้าปฐมนิเทศน์ผู้เริ่มต้น floortime กับอาจารย์เมื่อวันเสาร์ที่ 24 พย ที่ผ่านมาครับเนื่องจากลูกชายผมอายุ 3 ขวบ 5 เดือน ได้รับการวินิจฉับว่าเป็นออทิสติกเสปคตรัม
และจากการอ่านหนังสือคู่มือของคุณหมอเบื้องต้นเกี่ยวกับการกระตุ้นตัวเองของเด็กและผมลองมาสังเกตุอาการของลูกผมพบว่าแกจะมีการกระตุ้นตัวเองทุกครั้งเมื่ออยู่ในสถานที่ที่มีคนหนาแน่นเช่น ซุปเปอร์มาร์เก็ตที่คนเยอะๆ หรือเวลาที่แกมีอาการเครียด หรือกังวล จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้นผมลองใช้วิธีเข้าไปกอดแกแล้วพูดว่า "ลูกกลัว/เครียดใช่ไหม พ่ออยู่ด้วยไม่เป็นไรนะ ให้พ่อช่วยอะไรไหม" พบว่าแกหยุดร้องเพลงลงไปและเริ่มสงบลงแต่แกก็ยังไม่ตอบผมว่าแกกลัวอะไร ผมไม่แน่ใจว่าวิธีดังกล่าวถูกต้องไหมครับ คุณหมอคิดว่าจะต้องเสริมคำถามหรือกิจกรรมอะไรเพิ่มเข้าไปบ้างไหมครับเพื่อบรรเทาอาการดังกล่าว
และอีกคำถามหนึ่งครับ : ตอนนี้ผมเริ่มสามารถเข้าเล่นกับลูกผมได้พอสมควรมีการพูดโต้ตอบได้บ้าง และเริ่มมีการพูดขอให้พ่อเล่นด้วย แต่มีอย่างหนึ่งที่ผมยังพยามยามหาทางแก้ไขคือ เวลาแกเล่นคนเดียวแกก็จะเล่นพร้อมพากย์ด้วยตัวเองเช่น "ลูกปลูกต้นไม้เสร็จแล้ว-หนอนมากินต้นไม้-ต้นไม้ตายหมดเลย" แล้วก็จะพูดบทเดิมซ้ำๆ แต่อาการนี้จะหายไปเมื่อผมเข้าไปเล่นด้วย อาการดังกล่าวแสดงถึงความไม่มั่นใจของแกหรือเปล่าครับ และเราสามารถช่วยบรรเทาอาการดังกล่าวได้อย่างไรครับ

ขอบคุณครับ
อภิวัฒน์

สิ่งที่ต้องทำเป็นเบื้องต้น คือเลิกเพ่งเล็งกับสิ่งที่เรียกว่า "อาการ"

เมื่อเพ็งเล็ง ก็อยากจะให้มันหายไป......

ยิ่งอยากให้อาการหาย มันยิ่งไม่หาย

แต่ถ้าไม่สนใจ เล่นสนุกไป ไม่ช้าไม่นาน "อาการที่ว่า" ไม่รู้หายไปไหน

แนะนำให้ทำใจให้ว่าง ๆ ยังไม่ต้องพยายามวิเคราะห์อะไร

ช่วงแรกเน้นการสร้างสัมพันธภาพ และดูแลความรู้สึกกันไป

เล่นสนุกให้เยอะ ๆ ก่อนค่ะ



ส่วนที่ถามมา ไม่ทราบเหมือนกันว่าเด็กไม่สงบเพราะเครียดหรือเปล่านะคะ

คนเราตื่นเต้น ก็ไม่สงบได้ค่ะ

ขอบคุณมากครับคุณหมอกิ่งแก้ว

ผมขอแจ้งความคืบหน้าของน้องและขอปรึกษาปัญหากับคุณหมอกิ่งแก้วดังนี้ครับ (ตอนนี้ลูกชายผมอายุ 3 ขวบ 6 เดือน ครับ)
1. การประเมินพัฒนาการของลูกครั้งล่าสุด
ล่าสุดผมได้พาน้องไปพบอาจารย์หมอที่โรงพยาบาลรามาเพื่อประเมินพัฒนาการและปรึกษาอาจารย์หมอเกี่ยวกับแนวทางการฝึกทักษะเพิ่มเติมให้กับลูก(กายภาพ)เนื่องจากลูกของผมได้รับการประเมินมาจากคุณหมออีกท่านหนึ่งก่อนหน้านี้ว่าเป็นออทิสติกเสปรคตรัม ในการประเมินครั้งนี้อาจารย์หมอเริ่มต้นด้วยการชวนลูกของวาดรูปและชวยคุยในขณะเดียวกันซึ่งลูกก็สามารถวาดรูปตามที่แกจินตนาการและพูดคุยกับอาจารย์หมอเกี่ยวกับรูปที่แกวาดได้ค่อนข้างราบรื่น หลังจากนั้นอาจารย์หมอก็เริ่มให้เล่นบล็อคไม้และทดลองให้ลูกต่อบล็อคเป็นรูปสะพานซึ่งแกก็สามารถทำตามคุณหมอได้ทุกอย่าง รวมถึ่งการต่อบล็อคไม้ตามจินตนาการของแกเองเล่นต่อเป็นรถยนต์,รถไฟพร้อมกับขยับบล็ดไม้ดังกล่าวไป-มาแสดงถึงการเคลื่อนไหวของรถยนต์ หรือรถไฟ ต่อมาอาจารย์หมอถามลูกผมเกี่ยวกับสีของบล็อคไม้แต่ละก้อนและจำนวนบล็อคไม้ที่อาจารย์หมอมาวางแต่ละครั้ง ซึ่งลูกก็สามารถตอบได้ทุกคำถาม สุดท้ายอาจารย์หมอก็ทดลองให้ลูกไปหยิบของที่ไกลออกไปตามคำสั่ง เริ่มแรกก็มีอิดออดแล้วทำท่าเอื้อมมือไปข้างหน้าแล้วบอกว่าลูกหยิบไม่ถึงแล้วอาจารย์หมอก็บอกให้ลูกเดินไปหยิบมาให้แล้วเอาไปเก็บที่เดิมซึ่งแกก็ทำได้ เมื่อจบการทดสอบลูกรวมถึงการสัมภาษณ์พ่อแม่เกี่ยวกับการเลี้ยงดู อาจารย์หมอแจ้งว่า "หมอมั่นใจว่าลูกคุณไม่เป็นออทิสติก" ถึงแม้ว่าแกจะมีพัฒนาการบางเรื่องช้าไปบ้างแต่ก็อยู่ในช่วงที่ยอมรับได้ และแนะนำให้พ่อแม่ปรับความคิดเสียใหม่โดยมองแต่ด้านดีของลูกอย่ามองแต่ด้านเสีย ส่วนการเลี้ยงดูนั้นขอให้เลี้ยงแบบปกติทั่วไปและส่งเสริมจุดเด่นของลูกไปพร้อมกัน ถึงตอนนี้ผมกับภรรยามองหน้ากันถึงกับงงครับ และคุณหมอแนะนำให้พาลูกเข้าโรงเรียนชั้นอนุบาล 1 ได้แล้ว

2. พัฒนาการที่ใช้ได้ของลูก
พัฒนาการระดับ 1-2 : สามารถจดจ่อกับกิจกรรมที่ทำร่วมกัน,สิ่งของ และ คนใกล้ชิด แต่กับเด็กวัยใกล้เคียงกันลูกยังมีอาการกรี๊ดใส่เด็กคนอื่นในกรณีที่เด็กคนอื่นเดินมาใกล้สิ่งของที่เขากำลังสนใจอยู่
พัฒนาการระดับ 3-4 : สามารถสื่อสารกับคนใกล้ชิดโดยการใช้คำพูดหรือท่าทางชักชวน เช่นจูงมือ,ชี้นิ้วบอกว่าต้องการอะไรหรือบอกว่าแกต้องการอะไรได้เช่น แกจะเอาของเล่นที่อยู่สูงแกก็ออกปากให้ผมช่วยกันลากเก้าอี้มาแล้วแกก็ปีนเอาของเอง หรือ แกต้องการเอาของออกมาจากลังกระดาษที่ถูกแพ็คไว้ด้วยเทปกาวแกก็จะบอกว่าให้พ่อช่วยเอากรรไกรมาแกะ (แต่ตอนนี้ยังไม่ให้เล่นของมีคมครับ)
พัฒนาการระดับ 5 :เล่นสมมติง่ายๆได้เช่นทำกับข้าว อบเค้ก ต่อบล็อคเป็นรูปต่างๆเช่นรถบรรทุก, รถเครน เบ็ดตกปลา ปลา ปลาหมึก แมงกระพรุน แล้วมาบล็อคและโมเดลมาเล่นร่วมกันเช่นเอาบ็ดไปตกปลาแล้วมาทำกับข้าว แต่ยังต้องมีผมช่วยประคองอยู่ครับโดยผมจะรอให้แกเป็นคนออกคำสั่งแล้วผมถึงจะช่วย
พัฒนาการระดับ 6 : ตอบคำถามง่ายๆในชิวิตประจำวันได้ เช่น รถสีอะไร,บ้านอาม่าอยู่ที่ไหน,อยากไปเล่นที่ไหน ส่วนคำถามทำไมก็เริ่มตอบได้บ้างเช่น
พ่อ : ลูกอยากได้รถยนต์คันเล็กหรือคันใหญ่
ลูก : อยากได้คันใหญ่ๆ
พ่อ : ทำไมเอาคันเล็กไม่ได้เหรอ
ลูก : คันเล็กมันคับ(แคบ)

3. ปัญหาที่อยากปรึกษาคุณหมอกิ่งแก้วครับ
1. ตามการประเมินของอาจารย์หมอตามข้อ 1 เป็นไปได้ไหมครับที่ลูกอยู่ในสภาวะที่ของยังไม่ขึ้นเลยทำให้การประเมินผิดพลาดไปจากเดิม
2. ตามคำแนะนำของอาจารย์หมอตามหัวข้อที่ 1 ที่จะให้ลูกไปโรงเรียนนั้น ส่วนตัวผมเองคิดว่าลูกยังไม่พร้อมด้วยสาเหตุที่ว่า ลูกยังมีอาการกรี๊ดเด็กคนอื่นอยู่/กรี๊ดเวลาถูกขัดใจ และการสนทนากับลูกส่วนใหญ่ผมหรือแฟนจะเป็นคนเริ่ม ส่วนลูกนั้นนานๆครั้งแกจะเริ่มด้วยวลี/ประโยค เหล่านี้ เช่น พ่อ/แม่หายไปไหน, ของเล่นหายไปไหน, ลูกอยากให้พ่อ/แม่ทำ........ ซึ่งผมคิดว่ายังไม่ไหลรื่นพอครับ
3. ผมควรกระตุ้น/เสริมพัฒนาการระดับ 1-4 เพื่อให้ระดับ 5-6 ชัดเจนขึ้นกว่านี้ไหมครับ

ขอบคุณครับ

ไม่ว่าสิ่งที่ปรากฎในเด็กจะมีชื่อเรียกว่าอะไร

แต่แน่ ๆ คือเด็กยังมีความล่าช้าและต้องการช่วยเหลือ

การทำฟลอร์ไทม์ คือการเลี้ยงดูเด็กตามธรรมชาติ

เพียงแต่เด็กที่ล่าช้าและมีความขัดข้องของระบบรับรู้และสั่งการกล้ามเนื้อ ก็ต้องทำแบบเข้มข้นกว่าเด็กทั่วไป
ทำมาก ได้มาก ไม่มีอะไรเสียหาย

ดิฉันแนะนำให้คุณตั้งใจส่งเสริมพัฒนาการให้ลูกแบบปราณีตและรอบด้านต่อไป

จนกว่าเขาจะอยู่ในกลุ่มเด็กวัยไล่เลี่ยกันได้อย่างเนียน ๆ

ถ้าเป็นเด็กผู้ชาย จำเป็นต้องเสริมสร้างสมรรถนะทางร่างกายมากกว่าเด็กผู้หญิงเล็กน้อย

ในฐานะพ่อแม่ คงไม่มีใครอยากให้ลูกชายเล่นได้แต่กับเด็กผู้หญิง

ถึงตอนนี้ดิฉันแนะนำให้คุณพบนักกิจกรรมบำบัด เพื่อขอคำแนะนำเรื่องการทำ SI

หากไม่สะดวก สามารถไล่เช็คกิจกรรมตามคู่มือ หรือบทความในเว็ปนี้

รวมทั้งคอย DVD ชุดใหม่ เรื่อง การประสานเสริมกิจกรรมระหว่างวัน ซึ่งน่าจะเสร็จราวปลายเดือนหน้า

จากประสบการณ์ของดิฉัน สำหรับเด็กที่ติดปัญหาระดับนี้ การเก็บรายละเอียดให้เนี้ยบจากจุดนี้ ใช้เวลาไม่น้อยกว่า 2 ปีค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าผู้ปกครองให้คุณค่ากับอะไร บางคนเห็นว่าเด็กมีสติปัญญาดี พอเรียนได้ ก็ไม่เก็บพื้นฐานทางกายและอารมณ์ ผู้ปกครองบางคนให้คุณค่ากับสังคมเพื่อน เรื่องอารมณ์ ภาษา ทักษะทางกาย ความมั่นใจ ก็ต้องสร้างให้ใกล้เคียงกัน แบบนี้ ก็ต้องเก็บกันให้เนี้ยบค่ะ

สำหรับการเข้าโรงเรียน กว่าจะถึงเปิดเทอมหน้า ดิฉันคิดว่าคุณพ่ออาจจะเร่ง speed ของพัฒนาการได้ทัน โดยลูกจะเป็นเด็ก "แก่เดือน" ของห้อง คือใกล้ 4 ขวบ แต่ระดับพัฒนาการทางภาษาอาจจะใกล้เคียงเด็กอ่อนเดือนของห้อง

ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของการใช้เวลาค่ะ

ขอบคุณคุณหมอกิ่งแก้วครับสำหรับคำแนะนำครับ และผมคิดว่าหลังจากผมได้รู้จัก floortime และได้เริ่มต้นทำถึงแม้จะไม่ถูกต้อง 100% เพียงแค่เล่นสนุกกับลูก แต่สิ่งที่ผมได้รับกลับมาคือ "รอยยิ้มที่มีความสุขของลูก และลูกพูดคุยกับผมมากขึ้นอย่างมีชีวิตชีวา" ซึ่งมีค่ามากสำหรับผมในวันนี้ ผมขอขอบคุณคุณหมอกิ่งแก้ว และคุณครูทุกท่าน มากครับ

ผมขอรบกวนปรึกษาคุณหมอกิ่งแก้วเรื่องการเข้าโรงเรียนของลูกครับ
จากการปรึกษาผู้ใหญ่หลายท่าน ทุกท่านแนะนำให้นำลูกเข้าโรงเรียนชั้นอนุบาลหนึ่งได้แล้วเนื่องจากเด็กจะได้รู้จักสังคมและเล่นกับเพื่อนๆได้ในวัยเดียวกันและถ้าพบว่าเด็กมีข้อบกพร่องด้านไหนจะได้แก้ตั้งแต่เนิ่นๆ แต่ทางภรรยาผมยังไม่เห็นด้วยเนื่องจากเขาคิดว่าลูกยังมีอารมณ์ที่ไม่มั่นคงพอและโดยส่วนตัวภรรยาผมตั้งใจจะทำโฮมสคูลกับลูก ในส่วนของการเล่นเนื่องจากเป็นลูกคนเดียวแกชอบเล่นสมมติกับพ่อแม่ และ ช่วงนี้ขอจะไปเล่นกับเพื่อนพี่น้องทุกวัน แต่เนื่องด้วยข้อจำกัดเรื่องเวลางงานทำให้ไม่สามารถพาลูกไปเล่นกับเพื่อนได้ทุกวัน ซึ่งในด้านการเล่นกับเพื่อนหรือน้องนั้นเขายังไม่รู้จักวิธีการเข้าหา ยังมีการยื้อแย่งของเล่นกันและถ้าไม่พอใจก็จะหวีด แต่พอเด็กคนอื่นหวีดกลับบ้างก็จะมาฟ้องว่าเพื่อนหรือน้องโวยวาย และอีกอย่างหนึ่งที่ทางผมกลัวคือเรื่องของการเขียนหนังสือลูกผมตอนนี้สามขวบเจ็ดเดือนยังเขียนไม่ได้ ซึ่งประเด็นนนี้ผมเองก็กลัวว่าทางคุณครูจะกดดันลูกทำให้ลูกเครียดซึ่งผลที่ตามมาคือแกจะซึมและไม่พูดกับใคร ตามข้อมูลข้างต้นผมรบกวนขอความคิดเห็นจากคุณหมอกิ่งแก้วด้วยครับ

ขอบคุณครับ

คำแนะนำ คือ ชั่งน้ำหนักของความสำคัญ และความเป็นไปได้จริงของปัจจัยสำคัญ ๆ แล้วค่อยตัดสินใจ

แต่อย่าคาดหวังว่าทุกสิ่งจะราบรื่น

ดิฉันไม่ค่อย ๆ เข้าใจว่าเด็ก ๆ วีีดกันไปมา แล้วกลับมาฟ้องผู้ใหญ่แบบเข้าข้างตัวเองนั้น มันเป็นปัญหาตรงไหน

การที่เขาเล่นสมมุติได้ ก็แสดงว่าอย่างน้อยเขาก็แตะพัฒนาการขั้น 5

รวมทั้งการที่แพทย์บอกว่าเขาไม่ได้ล่าช้ามาก ก้ยิ่งไม่ค่อยน่าห่วง

การคำนึงถึงความแตกต่างส่วนบุคคลและพัฒนาการที่ล่าช้านิดหน่อยของเด็ก

บอกให้รู้ว่าไม่ควรประมาท

แต่การไม่ประมาท ไม่ได้หมายความจะต้องเกร็งหรือกังวล จนเกินเหตุ

ดิฉันคิดว่าเด็กน่าจะไวความรู้สึก และอาจจะติดปัญหาการวางแผนสั่งการกล้ามเนื้อ

ตั้งแต่วันนี้จนถึงเปิดเทอม หากคุณทุ่มเทถูกทางและมากพอ

ดิฉันว่าน่าจะไล่ทันได้พอสูสีพอที่จะเข้าโรงเรียน...ระหว่างที่เข้าโรงเรียนแล้ว ยังจะต้องไล่ตามเก็บและแก้เรื่อง SI กับกล้ามเนื้อ อีกราว 2-3 ปี จึงจะเนี๊ยบ

ยกเว้นว่าพ่อแม่ต้ังใจจะทำโฮมสคูลกันอยู่แล้วด้วยเหตุผลอื่นค่ะ

รบกวนปรึกษาคุณหมอกิ่งแก้วครับ
พอดีวันเสาร์ที่ผ่านมาผมได้ทดลองพาลูกไปทำกิจกรรมกลุ่มที่ little gym เป็นครั้งแรกโดยมีเด็กในกลุ่มที่เรียนด้วยในครั้งนั้น 14 คน ขณะเริ่มต้นเรียนลูกผมแกจะวิ่งไปหาของเล่นที่แกอยากเล่นในทันที่ในขณะที่เด็กคนอื่นยังนั่งฟังครูฝึกพูดอยู่ คุณครูจะต้องคอยจับลูกผมเข้ามาเข้ากลุ่มค่อนข้างบ่อยและขณะที่ครูฝึกสอนอยู่นั้นสิ่งที่ผมสังเกตุเห็นคือลูกผมจะไม่มองตามครูฝึกแต่จะหันมองไปของเล่นที่ที่แกชอบเท่านั้น แต่พอครูฝึกพาเพื่อนๆมาเล่นของเล่นที่แกสนใจ แกก็สามารถทำตามและรู้จักรอคอยทำตามลำดับคิวได้ครับและในตอนท้ายครูฝึกให้มาล้อมวงร้องเพลงเผอิญเป็นเพลงที่แกรู้จักแกก็สามารถร้องได้แต่ร้องลํกษณะตะโกนแข่งกับกับเด็กคนอื่นที่ร้องเสียงดัง ในส่วนพฤติกรรมการหวีดยังมีอยู่ครับโดยเฉพาะเวลาเพื่อนมาเล่นของเล่นที่แกกำลังเล่นอยู่ครับ จากข้อมูลข้างต้นผมรบกวนปรึกษาคุณหมอกิ่งแก้วเรื่องการทำกิจกรรมกลุ่มว่าควรจะให้ลูกผมเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มที่มีจำนวนคนน้อยกว่านี้หรือไม่ หรือ ควรจะเข้ากลุ่มเดิมเพื่อสร้างความคุ้นเคยครับ

ขอบคุฯครับคุณหมอ

ได้ทั้งสองอย่างค่ะ แล้วแต่ความสะดวก ชั่งน้ำหนักระหว่างความเป็นไปได้จริง กับผลที่จะเกิดขึ้น

ชั่งน้ำหนักแล้ว ก็ตัดสินใจ ตัดสินใจแล้ว ก็คอยดูผล

คนเรา ไม่ต้อง "เป๊ะ" ตลอดเวลาหรอกค่ะ