สมาชิกใหม่ ค่ะ แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปของหมอ รบกวนแนะนำหน่อยคะ

[not510tp]

เรื่องยาไม่แนะนำเลยครับ ไม่อยากให้ใช้เลยครับ (ความเห็นส่วนตัวนะครับ) จากประสบการณ์ลูกผมเอง ที่เคยได้รับคำแนะนำให้ใช้ยา

เพื่อให้เค้านิ่งเช่นกัน

ปัจจุบัน ดีใจมากๆ ที่ตอนนั้นไม่ตัดสินใจให้ลูกกินยาตามคำแนะนำของหมอ (เรื่องยา ตอนนั้นก็ได้รับคำแนะนำของผู้มีพระคุณที่นี่แหละครับ ^^)


ส่วนที่คุณแม่พาเค้าไปปรับไปฝึกพฤติกรรมต่างๆตามนัด คุณแม่เห็นว่ามันจำเป็นและมีประโยชณ์กับลูกขนาดไหนครับ

แล้วที่ว่าดีขึ้นนิดนึงนั้น ถ้าอยู่กับคุณแม่ด้วยหลักการฟลอร์ไทม์ เค้าจะดีขึ้นได้แบบนั้นมั้ยครับ

ผมเคยพาลูกไปทดลอง ปรับพฤติกรรมตามที่โรงพยาบาลแห่งนึง ตามแรงกดดันจากผู้ใหญ่และคนรอบข้าง

แต่เมื่อได้พาลูกไปสัมผัสเพียงครั้งเดียว ผมไม่เคยพาไปอีกเลยแม้แต่ครั้งเดียว และตัดสินใจศึกษาและใช้หลักการฟลอร์ไทม์เพียงอย่างเดียวตลอดมา



การพาลูกพาไปฝึกนั่นฝึกนี่ พาไปปรับนั่นปรับนี่ อาทิตย์ละสองหรือสามวัน วันละชั่วโมง หรือสองชั่วโมง ช่วยให้เค้ามีพัฒนาการที่ดีขึ้นจริงเหรอ

หรือแค่พาเค้าไปถูกบังคับ และยอมทำตามสั่ง เพื่อให้ดูว่า ดีขึ้นนิดนึง

[Waraporn.2556]

ขอบคุณสำหรับทุกความเห็น และคำเตือนสติ มันทำให้แม่รู้สึกถึงพลังความรักของทุกคนที่มีต่อลูกเลยค่ะ (รู้สึกเหมือนมีคนเห็นด้วยที่เราไม่ให้กินยา)

ค่ะคุณน๊อตจากที่ได้ยินจากคุณยายบอก แม่ก็ตกใจเรื่องการให้ยา แต่ในความคิดตัวเอง แม่ยังชอบที่จะให้ลูกซนมากกว่า และไม่คิดจะให้ลูกกินยาหรอกค่ะ(อันนี้คิดเอาเองว่าถ้ากินยามากไปเป็นอันตรายต่อตับและสุขภาพของเค้านะค่ะ)
-ส่วนการปรับพฤติกรรม หมายถึง กิจกรรมบำบัดหรือเปล่าคะ คือ น้องจะมีกิจกรรมบำบัดอาทิตย์ละชั่วโมง แต่เหมือนไปเล่นนะค่ะ คือมีของเล่นให้เค้าปีนป่าย ออกกำลังกาย และมีพวกแสงสีเสียง ให้เค้าดู พวกเดินสัมผัสบนพื้น เอ่อ เห็นคุณยายพาไปแล้วคุณยาย นั่งเป็นเพื่อน แล้วเค้าชอบนะค่ะ คือดูจากเค้าไปแล้วไม่อยากกลับ ครูฝึกไม่บังคับทำกิจกรรม ที่ให้ไปคือช่วงกลางวันที่แม่ไปทำงานแล้วคุณยายพาเค้าไป หลังจากนั้นคือคุณยายจะพาไปทานข้าวข้างนอก (คุณยายน้องของแม่ อายุยังไม่เยอะ) เค้ามีความสุขที่ได้เที่ยวนะค่ะ ก็เลยยังให้ไปอยู่ ส่วนเดิมที่เคยให้ไปฝึกพูดนั่งโต๊ะ นัองร้องตลอด ก็ไม่ให้ไปแล้วค่ะ แม่จะรอจนเค้าพร้อมเองค่ะ ส่วนวันอาทิตย์ก็มีครูฟลอร์ไทม์มาช่วยดูให้น่ะค่ะ วันอื่นก็อยู่กับคุณยาย และแม่มาดูแลต่อช่วงเย็น และเหตุผลที่ให้ไป คือหาสนามเด็กเล่นในป่าคอนกรีตที่นี่ หายากจริงๆค่ะ

-ปัจจุบันที่ไปหาคุณหมอเป็นคุณหมอพัฒนาการค่ะ อยากจะไปหาคุณหมอที่โน้นเหมือนกันค่ะ แต่คงต้องรอน้องโตอีกนิดนะค่ะ เพราะเวลาเดินทางค่อนข้างใช้ระยะเวลาค่ะ เพราะอยู่ที่หาดใหญ่กลัวน้องเหนื่อยเกินไป
-แล้วที่แม่เห็นว่าลูกดีขึ้นตอนนี้ คิดเสมอว่ามาจากเราทำฟลอร์ไทม์ แม่รู้ว่าเราทำมาถูกทางแล้ว แต่ยังสับสนเรื่องหมอพัฒนาการ ปกติเราก็ต้องไปหาให้เค้าประเมินใช่หรือเปล่าคะ (อันนี้คุณแม่ งง จริงๆค่ะ) คือเราใช้ฟลอไทม์แล้ว ต้องมีคนประเมินพัฒนาการให้ด้วยมั้ยคะ(คุณน๊อตแนะนำได้นะคะ แม่ยังมือใหม่ อาศัยการอ่านหนังสือ และมีครูอุ๊แนะนำ)
-ส่วนกิจกรรม SI แม่ซื้อพวกบอล และแทมโพลีนมาเล่นกับน้องค่ะ ไม่ได้ไปฝึกที่ไหน ชวนเล่นเอาที่เค้าไหว

[krongkan]

ดิฉันก็เคยได้รับการแนะนำให้ใช้ยาจากคุณหมอพัฒนาการท่านแรกที่ไปพบค่ะ ตอนแรกก็ลังเล ด้วยว่าไม่ชอบยาอยู่แล้ว

แต่คุณหมอบอกว่าจะทำให้ลูกเสียเวลามากขึ้น เพราะเค้าโตขึ้นทุกวัน มามุขนี้ ดิฉันก็แพ้สิคะ แต่พอได้เริ่มรู้จักที่นี่

ได้รู้จักวิธี FT ที่แท้จริง และไม่มีการพูดถึงการใช้ยา ดิฉันก็บิงโก เข้าทางค่ะ ทิ้งยาและผู้แนะนำทันทีค่ะ ทั้งนี้ต้องบอก

ก่อนว่าการมีคุณหมอพัฒนาการช่วยประเมินนั้นจำเป็นนะคะ เพียงแต่ว่าแนวทางที่แนะนำนั้นตรงตามเป้าหมายที่เราวาง

หรือเปล่า เพราะหากขัดแย้งกัน เราเองนั่นแหละที่จะสับสน ทุกอย่างอยู่ที่เราเลือกค่ะ และหากเรามั่นใจในเส้นทางไหนอย่าง

แท้จริง เราจะมั่นใจในทางที่เราเลือกเดินค่ะ

การฝึกกับนักกิจกรรมบำบัดก็สำคัญค่ะ เช่นเดียวกันกับกรณีแรก หากเป็นไปในแนวทางเดียวกัน เราก็สบายใจ วางใจ

ที่จะฝึกต่อไป หากไม่ใช่ก็หาใหม่ค่ะ นักบำบัดเก่งๆ มีเยอะนะคะ เพียงแต่เราก็ดูเอาตามความเหมาะสมว่าลูกของเรา

มีความสุขไหม การฝึกนั้นคุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปหรือเปล่า และนักกิจกรรมบำบัดมีแนวคิดที่จะส่งเสริมให้แม่ลูกนำกลับ

ไปทำต่อกันเองที่บ้านเพื่อให้ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพหรือเปล่า อันนี้ก็สำคัญค่ะ เพราะเวลาเป็นเรื่องที่

สำคัญที่สุด ที่บอกว่าการฝึกกับนักกิจกรรมบำบัดนั้นสำคัญเพราะเขาจะช่วยประเมินให้ได้ค่ะว่าลูกของเราอยู่ในระดับไหน

และต้องทำอะไรต่อไป แต่ทั้งหมดทั้งมวลลูกต้องพร้อมในระดับหนึ่ง ทั้งนี้ก็ต้องทำไปพร้อมกับการทำงานบ้าน ซึ่งขอบอกว่า

สำคัญมากๆ ค่ะ การพาออกเผชิญโลก การเล่นสมมติ และอีกหลายๆ อย่างค่ะ ซึ่งคุณหมอกิ่งแก้วได้บอกไว้ละเอียดแล้วใน

ดีวีดีการประสานกิจกรรมค่ะ

[not510tp]

คุณ krongkan อธิบายได้เยี่ยมเลยครับ ^^

อ่านจากที่คุณ Waraporn.2556 อธิบายแล้ว ก็พอจะเข้าใจแล้วครับ คุณ krongkan อธิบายไว้ได้ดีเลยครับ ตามนั้นเลยครับ ^^

ส่วนตัวผม ผมยังไม่เคยพาลูกไปประเมินอีกเลยครับ ตั้งแต่เค้าสองขวบ จนตอนนี้หกขวบจะเจ็ดขวบแล้วครับ ^^'

[ta-mom]

เห็นด้วยกับคุณ krongkan ว่าการมีคนช่วยประเมินลูกเรานั้นก็มีความจำเป็น เพราะอะไรรู้ไหมคะ เพราะว่าผู้ปกครองโดยมากมักจะประเมินลูกตัวเองไม่ค่อยเป็นกลาง จะสูงกว่าความเป็นจริงซะมากกว่า (ดิฉันเองก็เช่นกัน เคยมาแล้ว ตอนไปเจอคุณหมอแก้วตา)

ส่วนกิจกรรมบำบัด ก็เป็นสิ่งสำคัญ ถ้าคุณแม่นำมาต่อยอดที่บ้านได้ก็ดีเลยค่ะ แต่อย่าลืมนะคะ ฟลอร์ไทม์เป็นหลัก กิจกรรมบำบัดเป็นการประสานเสริม

แนะนำอีกที ตัวอย่างท้ายเล่มของคู่มืออาจารย์กิ่งแก้วเป็นอะไรที่ครบถ้วนจริงๆค่ะ ทำตามตัวอย่างได้เลยค่ะ ของเค้าดีจริงๆค่ะ ^ ^

[krongkan]

คุณน๊อตคะ ถ้าไม่สะดวกก็พาทำงานบ้านและออกกำลังกายอย่างเป็นระบบนะคะ ช่วยได้มากจริงๆ แล้วถ้ามีโอกาสก็พาพบเพื่อประเมินสักครั้ง

งานจะได้เนี๊ยบเนียนกริบค่ะ สู้ๆ ค่ะ ดิฉันเองก็ไม่ได้พึ่งนักกิจกรรมบำบัดเท่าไหร่เพราะหาคิวยาก ก็ทำกันเองงูๆ ปลาๆ ค่ะ

แต่มาเริ่มเอาจริงเอาจังอีกครั้งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เพราะดีวีดีคุณหมอ 555 (หนังสือมีอยู่ตั้งนานแล้ว) รวมทั้งพาเรียนกีฬา

พาทำงานบ้านแบบเป็นหน้าที่ที่ต้องทำเป็นประจำทุกวัน พาทำกับข้าว ก่อเตา นอนเต๊นท์ เดินป่า แบบให้ใช้มือและร่างกาย

ทำงานเยอะๆ พอมาเจอนักกิจกรรมบำบัดเพื่อประเมินอีกครั้งเมื่อไม่นานมานี้ ครูฝึกออกปากเลยค่ะว่างานเหลืออีกไม่เยอะ

และดูก้าวหน้ากว่าครั้งแรกที่ประเมินไว้เมื่อปีที่แล้วมาก แรงก็กระพือมาเลยค่ะ ตอนนี้เลยจัดเต็มเรื่องร่างกายจริงๆ จังๆ กันเลยค่ะ

ผลพลอยได้กลายเป็นบ้านแห่งกีฬาและการเรียนรู้กันเลยค่ะ เมื่อคืนหลังจากได้เวลาเข้านอน แต่ยังทำกิจกรรมที่อยากทำกันไม่เสร็จ

เจ้าตัวโตพูดเลยค่ะว่าสงสัยจริงว่าที่เพื่อนๆ มีเวลาเล่นเกมส์เนี่ย เอาเวลาที่ไหนมา ตัวเค้าเองอยากซ้อมอูคูเลเล่ อยากกระโดดเชือก

อยากๆๆๆๆ ยังไม่มีเวลาเลย ยิ้มเลยค่ะอิชั้น 555 ลูกถูกแม่กลืนทั้งตัวแล้ว 55555

[krongkan]

ส่วนเรื่องพูดคุยสื่อสารกันระหว่างคุณน๊อตกับน้องภู ดิฉันเห็นว่าคุณน๊อตทำได้ดีอยู่แล้วค่ะ ดิฉันยังแอบเอามาปรับใช้กับตัวเองอยู่บ่อยๆ

ต้องยอมรับค่ะว่าตัวเองไม่เก่งเรื่องตะล่อมคุยกับลูกเท่าไหร่ ได้บทเรียนจากคุณน๊อตและคุณหมอมาช่วยได้เยอะ ตอนนี้เลยกลายร่าง

เป็นแม่แบบขำๆ อยู่บ่อยๆ ค่ะ

[Waraporn.2556]

โห! เห็นรุ่นพี่ฟลอร์ไทม์ก้าวหน้ากัน แม่ก็ยังมีความหวังที่จะเห็นลูกก้าวหน้าเช่นกัน ขอบคุณคำแนะนำมากมาย และความหวังดีของคุณพ่อคุณแม่ทุกท่านค่ะ
คุณแม่รอคิวหมอพัฒนาการของ มอ.อยู่ค่ะ คือ ตามที่คุณkrongkan พูดถึงความรู้สึกที่คุณหมอพัฒนาการที่ไปปรึกษาอยู่ เหมือนจะเอ่อไม่ตรงกับแนวทางฟลอไทม์อยู่ทำให้เราสับสนจริงๆ คือเราคิดว่ามาทางนี้ถูกทาง คือก่อนทำฟลอไทม์ลูกร่าเริงแต่ไม่ค่อยซน แต่หลังจากใช้ฟลอไทม์เค้าใชัร่างกายได้คล่องแคล่วขึ้น ซนมากขึ้น แม่คิดเองว่าดึค่ะ แต่พอเราไปหาหมอ หมอประเมินว้าไม่นิ่ง ก็ งงๆๆ สับสนๆๆ แต่ยังไม่หยุดฟลอไทม์ นะคะ

@ส่วนการไปหานักกิจกรรมบำบัด เค้าก็บอกแนวทางการนำมาใช้ทึ่บ้านได้ เช่นการสอนให้เก็บของเล่น อันนี้ไม่เคยให้เค้าทำเลย เค้าเลยไม่รู้จักคำว่าเก็บด้วยซ้ำ แต่หลังจากเล่นก็ให้เค้าช่วยกันเก็บ คล้ายจะเป็นการฝึกวินัยและฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็ก บางอย่างที่เค้าชอบเล่น เราก็เอามาประยุกต์เล่นต่อที่บ้านค่ะ และเป้าประสงค์ของนักกิจกรรมที่ช่วยดูแลขณะนี้ เค้ามีนโยบายดีค่ะ คือเด็กที่มาแล้ว อยากจะกลับไปอีก และลูกยังโอเคที่ไป ก็เลยยังให้ไปค่ะ

@ส่วนการทำงานบ้านก็ให้ช่วยล้างรถค่ะ คือมาร่วมกันทำกิจกรรมมากกว่า มาช่วยถือสายยาง แต่เค้ายืนเล่นน้ำซะมากกว่า555 แม่ต้องคอยขอสายยางอยู่เรื่อยค่ะ

@ส่วนของการทำฟลอร์ไทม์แม่ยังเป็นหลัก si เสริมๆ ค่ะ แต่อันไหนเล่นแล้วเค้าติดใจก็เล่นนานหน่อยค่ะ
@@ส่วนกิจกรรมท้ายบทตามคุณ ta-mom แนะนำ มีลองทำและจะลองcheck list. ไปดูค่ะ แต่การบ้านคุณแม่มีอีกเยอะเลย

[krongkan]

ทำไปเถอะค่ะ ทำไปเรื่อยๆ ตัวเราและลูกจะค่อยๆ เปลี่ยน จนวันหนึ่ง เราจะรู้สึกว่าครอบครัวเรามีความสุขร่วมกัน

แต่คนอื่นอาจจะมองเราแปลกๆ นิดนึง เอ บ้านนี้ทำไมไม่สั่งไม่สอนลูกเลย เพราะการสั่งสอนของเราคือการพูดคุย

แลกเปลี่ยนระดมความคิดเห็น การทำให้ดู และการฝึกให้ทำเองค่ะ ซึ่งดิฉันมั่นใจว่าเส้นทางนี้ ลูกๆ ของดิฉันน่าจะ

อยู่ได้อยู่ดีแน่นอน สู้ๆ ค่ะ (อันนี้บอกตัวเองด้วยนะเนี่ย) เพราะโจทย์แต่ละวันของลูกแต่ละคนไม่เหมือนกันเลยค่ะ

55555 พ่อแม่ต้องจอมพลังนิดนึง 55555

[สายป่าน]

5555
แล้วมีไหมเอ่ย ที่คอยดูเหมือนกันว่าเราจะเอาลูกอยู่ไหม
จะพูดคุยอะไรกันเยอะแยะ
โอ๋ ตามใจ ปล่อยลูกต่อปากต่อคำ
บ้านฉันบอกคำเดียวลูกหยุดเลย