นั่งอ่านบันทึกของตัวเองก็พบว่าลูกก้าวหน้าขึ้นมากๆ ในช่วงระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมานี้ อ่านไล่ไปก็พบว่าลูกก้าวหน้าขึ้น
ในทุกๆ มิติ ทั้งในเรื่องการจดจ่อในสถานการณ์ต่างๆ และสถานที่ต่างๆ การสื่อสารกับพ่อแม่พี่น้อง คนใกล้ชิด เพื่อนคุ้นเคย
เพื่อนใหม่ ผู้ใหญ่ไม่คุ้นเคย ในสถานที่ต่างๆ และสถานการณ์ต่างๆ ภาษากายชัดขึ้น น้ำเสียงคมชัดขึ้น สื่อสารได้ดีทั้งในสภาวะ
อารมณ์บวกและอารมณ์ลบ บอกเล่าเรื่องราวได้ไหลลื่นมากขึ้น มีเรื่องเล่า ทั้งจากจินตนาการและจากชีวิตจริงที่เกิดขึ้น พูดจา
เป็นเหตุเป็นผล มีอารมณ์ขัน ประมาณว่าเป็นคนปล่อยมุกเป็นอันดับต้นๆ ของบ้านเลยทีเดียว เจ้าเล่ห์และหาทางเอาตัวรอด
ได้เสมอ สิ่งที่เห็นความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนอีกอย่างคือ ความรับผิดชอบต่อการเรียนและหน้าที่ที่เกี่ยวเนื่องกับโรงเรียนค่ะ
มีตัวอย่างหนึ่งของเรื่องนี้อยู่ค่ะ คือเมื่อตอนเปิดเทอมครูบอกให้เอา แท๊บเล๊ท ไปให้ครูเพื่อลงโปรแกรม เจ้าตัวลืมบอกแม่
เลยไม่ได้เอาไป ตอนขึ้นรถจะไป รร เพื่อนถาม เอามาหรือเปล่า ลูกหน้าเสียเลยค่ะ แล้วก็พูดคุยกันจะให้พ่อเลี้ยวรถกลับไป
เอาที่บ้าน แม่ก็ยืนยันว่าไม่ได้แล้ว เพราะไม่ทัน แต่ในน้ำเสียงที่เข้าใจปลอบประโลม และหาทางออกด้วยกันว่าจะทำอย่างไรดี
จนถึง รร ลูกก็ยังเครียดอยู่ เพราะครูบอกว่าถ้าไม่เอามาจะถูกตี แม่ก็ดึงตัวออกมาคุยกัน ก็คุยกันสักพัก ได้ทางออกว่าให้แม่
บอกครูหน้าประตูว่าลืมเอามา แต่ครูประจำชั้นลูกจะบอกเองเพราะแม่เข้าไปข้างใน รร ไม่ได้ ลูกก็ดูมั่นใจขึ้นเดินเข้า รร
กลับมาบ้านแม่ถามถูกครูตีไหม ลูกบอกไม่โดน เนี่ยเครียดอยู่ตั้งนานแต่ครูไม่ตีแถมมีเพื่อนคนหนึ่งก็ไม่ได้เอามาเหมือนกัน
เลยรู้สึกดีขึ้น เหตุการณ์นั้นทำให้เค้ามีความรับผิดชอบมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ ขอบคุณบทเรียนที่ลูกได้รับ เดี๋ยวนี้ดู
เหมือนเรื่องราวใน รร จะถูกถ่ายทอดออกมาจากปากของเค้ามากขึ้นด้วยค่ะ ลายมือก็สวยขึ้นมากแบบไม่น่าเชื่อเลยค่ะ
แม่คิดว่าต้องใช้เวลานานกว่านี้ซะอีก และก็ต้องบอกว่าในระยะเวลา 3-4 เดือนที่ผ่านมานี้แม่เล่นสมมติกับลูกเยอะมากค่ะ
มีโอกาสเป็นต้องเล่นกัน และพูดคุยนุ๊งนิ๊งกุ๊งกิ๊งกันเยอะมาก ใช้เวลาอยู่ด้วยกันแบบ 2 ต่อ 2 เยอะๆ เพราะแม่รู้ว่าก็จัด
ให้เค้าฝึกกิจกรรมทางร่างกายเยอะเหมือนกัน ก็เลยต้องชดเชยกันเยอะหน่อย เพราะช่วงไหนที่เค้าล้ามากๆ จะรู้สึกได้เลยค่ะ
ว่าเค้าฉุนเฉียวง่าย แม่ก็จะปรับผ่อน หรือเล่นกับเค้ามากๆ ทุกอย่างก็ดูดีขึ้นแบบทันตาเห็นเลยค่ะ อันนี้หมายรวมไปถึงพี่และน้อง
ของเค้าด้วยค่ะ เพราะพอเราได้ใช้เวลาคุณภาพกันจริงๆ แม่ก็รู้สึกว่าตัวเองก็ยังมีเวลาเหลือที่จะเล่นกับพี่และน้อง อาการอ้อนแม่
ของน้องก็ลดลงไปค่ะ น้องก็ดูมั่นใจขึ้น สำหรับพี่เราก็พูดจาสอบถามความรู้สึก เล่นหยอกกันมากขึ้น ใกล้ชิดกันมากขึ้นค่ะ
สมดุลย์ในบ้านก็เลยดูดี และแม่ก็จะทำต่อให้ดียิ่งๆ ขึ้นค่ะ
เมื่อคืนมีเหตุการณ์หนึ่งค่ะ เจ้าตัวแสบเอาหนังสือมาอ่านเพราะครูสั่งให้อ่านหน้า 15-28 (โหดไหมคะ 555)
เป็นหนังสือแบบฝึกหัดเลข แม่ก็ได้คืบจะเอาศอก อ่านอย่างเดียวได้ไง ก็ให้อ่านไปด้วยคิดไปด้วย เรื่องอ่านก็กะว่าให้ฝึก
อ่านออกเสียง จะได้ฟังเสียงของตัวเองด้วย แต่อ่านไปก็ให้คิดไปด้วยว่า ผลลัพธ์มันออกมาเป็นอย่างนี้ได้ยังไง แรกๆ ก็ดู
โอเคค่ะ อ่านเสียงดังฟังชัด คิดเลขได้ไม่ติดขัด พอนานๆ ไปชักล้า โจทย์เริ่มมีหลายอย่าง ทั้งบวกทีละ 10 บวกทีละ 5
บวกทีละ 2 และบวกทีละ 100 ยังไม่พอ เริ่มมีลบทีละ 10 ลบทีละ 5 ลบทีละ 2 และลบทีละ 100 ด้วย
ตอนแยกๆ กันก็ยังคิดได้ลื่นไหลอยู่ พอมารวมกันหมดชักเริ่มงง แม่ก็เริ่มฉุน เฮ้ย อารายเนี่ย ลูกก็หันควับ หม่าม้าอย่าดุนะ
เดี๋ยวพลังหาย แม่ก็หยุดกึ๊กแล้วยิ้มออกมา เท่านั้นแหละ เจ้าตัวแสบสีหน้าสดใสแล้วบอกออกมาว่า เย้ พลังมาแล้ว ทำต่อได้เลย
แม่ก็ถามต่อ ทำไมละ เจ้าตัวตอบ ก็หม่าม้ามีความสุข ลูกก็มีพลังต่อสู้ น้ำตาแทบไหลค่ะ คิดแล้วก็น่าเขกกระโหลกตัวเองนะคะ
รู้ก็ทั้งรู้ว่ายากสำหรับเค้ายังอดคาดหวังไม่ได้ แล้วก็ยิ่งสะท้อนใจค่ะว่าความสุขของแม่ก็คือความสุขของลูก ลูกตรงไปตรงมาจนแม่
อายเลยค่ะ